ส่องกล้องทางเดินอาหาร ตรวจง่าย วินิจฉัยโรคชัดเจน

ศูนย์ : ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

บทความโดย : นพ. สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์

ส่องกล้องทางเดินอาหาร

สัญญาณเตือนความผิดปกติของโรคทางเดินอาหารไม่ว่าจะเป็นอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน ท้องผูก หรือ ท้องเสียเรื้อรัง จุกแน่นลิ้นปี่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ กลืนลำบาก น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง เป็นสัญญาณสุขภาพอันตรายที่ไม่ควรละเลยมองข้าม และควรเร่งได้รับการตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาอย่างถูกทาง โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยีการส่องกล้องทางเดินอาหารเข้ามาช่วยตรวจและวินิจฉัยโรคได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถตรวจวินิจฉัยโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนเรื้อรัง ติ่งเนื้อในกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ นิ่วในทางเดินน้ำดี ท่อน้ำดีอุดตัน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้พบโรค สาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว และส่งผลให้การรักษาโรคได้ทันเวลา


ส่องกล้องทางเดินอาหาร คืออะไร?


การส่องกล้องทางเดินอาหาร การส่องกล้องทางเดินอาหาร

การส่องกล้องทางเดินอาหาร คือ หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจดูความผิดปกติภายในอวัยวะต่างๆ ของระบบทางเดินอาหารได้โดยตรง ตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น ไปจนถึงลำไส้ใหญ่และทวารหนัก การตรวจนี้จะทำโดยการใช้ กล้องส่องตรวจ (Endoscope) ซึ่งเป็นท่อที่มีความยืดหยุ่น ขนาดเล็ก และมีแสงไฟพร้อมเลนส์หรือกล้องวิดีโออยู่ที่ปลาย แพทย์จะค่อยๆ สอดกล้องนี้เข้าไปในระบบทางเดินอาหาร เช่น ทางปากสำหรับส่องกล้องส่วนบน ได้แก่ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น หรือ ทางทวารหนักสำหรับส่องกล้องส่วนล่าง ได้แก่ ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยการส่องกล้องทางเดินอาหารเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาโรคได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์การรักษาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วย

> กลับสารบัญ


ทำความรู้จักการส่องกล้องทางเดินอาหาร 3 แบบ

เทคโนโลยีการส่องกล้องทางเดินอาหาร เพื่อตรวจวินิจฉัยระบบทางเดินอาหาร เป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติ โดยการใช้กล้องส่องทำการตรวจผนังของทางเดินอาหารตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ไปจนถึงลำไส้ การส่องกล้องทางเดินอาหารสามารถแบ่งการตรวจเป็น 3 แบบ ตามอวัยวะส่วนที่ตรวจ ดังนี้

1. การส่องกล้องเพื่อตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และสำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy: EGD)

การส่องกล้องกระเพาะอาหาร เป็นการใช้กล้องที่ปลายกล้องจะมีเลนส์ขยายภาพ ปลายอีกข้างหนึ่งต่อเข้ากับเครื่องกำเนิดแสงและส่งภาพมายังจอรับภาพ ส่องเข้าไปในปาก ผ่านหลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น โดยตรวจในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการกลืนลำบาก อาเจียนเป็นเลือด ปวดท้องจุกแน่นลิ้นปี่ เพื่อการวินิจฉัยโรคหลอดอาหาร กรดไหลย้อน ตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เช่น การอักเสบ เป็นแผล มีเนื้องอก หรือมีการตีบตันของอวัยวะเหล่านี้ หากพบความผิดปกติ แพทย์ก็สามารถใส่เครื่องมือเพื่อการรักษาเข้าไปได้ เช่น หากพบการตีบตัน แพทย์จะใส่เครื่องมือขยายหลอดอาหาร เป็นต้น


2. การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)

ส่องกล้องทางเดินอาหาร โดยเป็นการใช้กล้องส่องเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจดูลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ส่วนกลาง ส่วนต้นและลำไส้เล็กส่วนปลาย ตรวจสำหรับผู้ที่มีอาการขับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องเสียเป็นประจำ หรือท้องผูกสลับท้องเสีย มีการถ่ายอุจจาระปนเลือด ถ่ายเป็นเลือดหรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ผู้ที่มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ หรือผู้ที่มีก้อนในท้อง น้ำหนักลดและอ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังแนะนำตรวจในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจทางทวารหนักโดยการส่องกล้องทุก 5-10 ปี โดยสิ่งที่ตรวจพบส่วนใหญ่ มักจะพบลำไส้อักเสบ ริดสีดวง กระเปาะลำไส้ใหญ่ (Diverticulum) ติ่งเนื้อ และเนื้องอกลำไส้ใหญ่ และคัดกรองมะเร็งลำไส้ เป็นต้น


3. การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (Endoscopic Retrograde Cholangiopancreatography: ERCP)

การส่องกล้องทางเดินอาหาร โดยเป็นการใช้กล้องส่องเข้าไปทางปาก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นจนถึงท่อเปิดของน้ำดีในลำไส้เล็กแล้วฉีดสารทึบแสงและถ่ายภาพเอกซเรย์ไว้ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน รวมถึงรักษาการอุดตันของท่อทางเดินน้ำดีหรือท่อตับอ่อน โดยใส่ท่อระบายน้ำดีคาไว้ ซึ่งความจำเป็นในการทำ ERCP ได้แก่ ดีซ่าน นิ่วในทางเดินน้ำดี ท่อน้ำดีอุดตัน เนื้องอกของท่อทางเดินน้ำดีหรือตับอ่อน และเพื่อการวินิจฉัยก่อนการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด

> กลับสารบัญ



เมื่อไหร่ควรพบแพทย์เพื่อส่องกล้องทางเดินอาหาร


ส่องกล้องทางเดินอาหารเมื่อไหร่ ส่องกล้องทางเดินอาหารเมื่อไหร่

การส่องกล้องทางเดินอาหาร นับเป็นเทคนิคหนึ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากในรักษาและการตรวจวินิจฉัย ซึ่งจะช่วยให้พบโรค สาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว และส่งผลให้การรักษาโรคได้ทันเวลา ผู้ป่วยที่ควรทำการตรวจด้วยการส่องกล้องคือ ผู้ป่วยที่ปวดท้องเรื้อรัง รักษาด้วยการทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อาเจียนเรื้อรัง

นอกจากนี้ การส่องกล้องทางเดินอาหารตรวจวินิจฉัยระบบทางเดินอาหาร ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ผู้ที่มีพฤติกรรมรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาทำให้ปวดท้องเป็นๆหายๆ รับประทานได้น้อย ซีด อ่อนเพลีย ผู้มีความเสี่ยงบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งทางเดินอาหาร ขับถ่ายผิดปกติ และผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นต้น ทั้งนี้การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ยังเป็นหนึ่งในการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุการตายอันดับสามของมะเร็งในประเทศไทย ซึ่งมักวินิจฉัยได้เมื่อมีอาการลุกลามแล้ว

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

ผู้รับบริการส่องกล้องทางเดินอาหารจะต้องเตรียมตัวอย่างไร

  • ส่องกล้องทางเดินอาหาร เตรียมตัวโดยต้องงดน้ำงดอาหาร 6-8 ชม. ก่อนเข้ารับการตรวจ
  • ถ้ามีฟันปลอมชนิดถอดได้ ต้องถอดออกก่อน
  • หากเป็นการตรวจด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) จะมีการเตรียมลำไส้ หรือสวนอุจจาระก่อนตรวจ
  • ในวันที่รับการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารควรมีญาติมาด้วย เพราะแพทย์อาจให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ อาจมีอาการง่วงซึมหลังการตรวจไม่แนะนำให้ขับรถเองหลังการตรวจ

> กลับสารบัญ


ขั้นตอนการส่องกล้องทางเดินอาหาร?


ขั้นตอนการส่องกล้องทางเดินอาหาร ขั้นตอนการส่องกล้องทางเดินอาหาร

การส่องกล้องทางเดินอาหาร จะแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับว่าเป็น การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน (กระเพาะอาหาร) หรือ การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ดังนี้

  • พยาบาลจะวัดสัญญาณชีพและเตรียมความพร้อม
  • ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน อาจมีการพ่นยาชาบริเวณลำคอเพื่อลดอาการเจ็บคอและลดการสำรอก
  • จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย (ทั้งสองหัตถการ) และอาจมีอุปกรณ์กันกัดกล้อง
  • ในหลายกรณีแพทย์จะให้ยานอนหลับหรือยาคลายกังวลทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวระหว่างการตรวจ หรือหลับไปเลย
  • หลังจากผู้ป่วยชาบริเวณคอเต็มที่ หรือเมื่อหลับสนิทแล้ว จะทำการตรวจด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
    • ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน โดยวิธีส่องกล้องกระเพาะอาหาร แพทย์จะค่อยๆ สอดกล้องที่มีลักษณะเป็นท่อยืดหยุ่นขนาดเล็กผ่านทางปากลงไปในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น
    • ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ แพทย์จะค่อยๆ สอดกล้องผ่านทางทวารหนักเข้าไปในลำไส้ใหญ่ทั้งหมด และอาจรวมถึงส่วนปลายของลำไส้เล็ก
  • ระหว่างการตรวจ แพทย์จะเป่าลมเล็กน้อยเข้าไปในอวัยวะเพื่อขยายให้มองเห็นผนังได้ชัดเจนขึ้น
  • ภาพจากกล้องจะถูกส่งขึ้นจอภาพให้แพทย์ตรวจดูความผิดปกติ หากพบสิ่งผิดปกติ เช่น แผล การอักเสบ ติ่งเนื้อ หรือเนื้องอก แพทย์อาจใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่สอดผ่านกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) ไปตรวจ หรือทำการรักษาบางอย่างได้ทันที เช่น การตัดติ่งเนื้อ หรือการจี้หยุดเลือด
  • ส่องกล้องทางเดินอาหาร ใช้เวลานานไหม ระยะเวลาในการส่องกล้องส่วนบนใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ส่วนการส่องกล้องลำไส้ใหญ่อาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและสิ่งที่พบ

> กลับสารบัญ


ข้อควรรู้กับอาการที่อาจจะเกิดขึ้นหลังได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารบ

  • แน่นอึดอัดท้อง จะทุเลาลง เมื่อได้ผายลม
  • มีภาวะเลือดออกจากตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ โดยปกติแผลจากการตัดชิ้นเนื้อจะมีขนาดเล็กและเลือดหยุดได้เอง แต่ถ้าผู้ป่วยรับประทานยาในกลุ่มยาละลายลิ่มเลือด อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะเลือดออกภายในกระเพาะได้
  • เจ็บบริเวณท้องน้อย หรือทวารหนัก อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ทุเลาลงและหายไป
  • ทั้งนี้หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก ท้องแข็ง มีไข้สูง ให้รีบมาพบแพทย์ทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด

> กลับสารบัญ


หลังส่องกล้องทางเดินอาหารควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

หลังการตรวจ ผู้ป่วยจะถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นเพื่อสังเกตอาการ จนกว่าฤทธิ์ยาชาหรือยานอนหลับจะหมดไป และไม่ควรขับรถหรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิหลังการตรวจ เนื่องจากฤทธิ์ยาอาจทำให้ง่วงซึมหรือมึนงง โดยอาการหลังตรวจนั้น สำหรับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน อาการ ข้าง เคียง หลังส่องกล้องกระเพาะอาหาร อาจมีอาการเจ็บคอ ระคายคอ หรือรู้สึกเหมือนมีเสมหะติดคอ ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 วัน ส่วนการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ อาจมีอาการท้องอืด หรือผายลมบ่อยจากการเป่าลมเข้าไปในลำไส้ ซึ่งจะดีขึ้นเมื่อผายลมออกไป ทั้งนี้ หากมีการตัดชิ้นเนื้อ อาจมีเลือดปนออกมาเล็กน้อยจากการไอ การบ้วนน้ำลาย หรือการขับถ่าย

สำหรับการรับประทานอาหาร สามารถเริ่มดื่มน้ำและรับประทานอาหารอ่อนๆ ได้หลังจากคอหายชา (ประมาณ 1 ชั่วโมงหลังส่องกล้องส่วนบน) หรือเมื่อแพทย์อนุญาต และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เผ็ดจัด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2-3 วันแรก และหากพบความผิดปกติ ได้แก่ มีไข้สูง ปวดท้องรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือปวดมากกว่าก่อนการส่องกล้อง ท้องอืดมากผิดปกติ อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำแดง ไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ ให้รีบพบแพทย์ทันที

> กลับสารบัญ


ส่องกล้องทางเดินอาหาร สะดวก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

ปัจจุบัน โรคระบบทางเดินอาหารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น บางส่วนมีเหตุผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบัน ทั้งทางด้านการรับประทานอาหารผิดเวลา การรับประทานอาหารที่มากหรือน้อยเกินไป ความเครียด รวมไปถึงการออกกำลังไม่สม่ำเสมอด้วย สิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลเสียต่อระบบการย่อยอาหาร และก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้ในอนาคต ดังนั้นการหมั่นสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ ซึ่งต้องให้ความใส่ใจต่อการสัญญาณผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องทางเดินอาหาร ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้

การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารอย่างละเอียด ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน มีบริการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารที่ครบวงจร (One Stop Service) ภายในสถานที่เดียว พร้อมด้วยห้องหัตถการ ห้องเตรียมลำไส้ ห้องพักฟื้น และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมวิสัญญีแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ด้วยความใส่ใจและความมุ่งมั่นในการให้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย