ขจัดสารพิษตกค้าง ด้วยการสวนล้างลำไส้ (Colon Detox)
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพนครธน
บทความโดย : พญ. ธนพร เอี่ยมประไพ
ลำไส้ใหญ่ที่สุขภาพดีจะส่งผลให้คุณมีสุขภาพที่ดีตามไปด้วย แม้ว่าจะมีระบบขับถ่ายที่ดีเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงมีของเสียและสารพิษตกค้างในลำไส้ส่วนลึกที่การขับถ่ายในชีวิตประจำวันไม่สามารถขจัดออกมาได้หมด ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขด้วยการ “สวนล้างลำไส้”
การสวนล้างลำไส้ (Colon Detox) คืออะไร
การสวนล้างลำไส้ (Colon Detox) คือ วิธีล้างพิษโดยการสวนล้างด้วยน้ำบริสุทธิ์หรือน้ำที่มีประจุแร่ธาตุเพื่อขจัดสารพิษหรือของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย รวมถึงเมือกที่เกาะตามผนังลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่น ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเองหรือภูมิแพ้เรื้อรัง ความเหนื่อยล้า ความอ่อนเพลีย ซึมเศร้า โรคผิวหนัง โรคทางเดินอาหาร การขับถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องเฟ้อเป็นประจำ อาหารไม่ย่อย เป็นต้น ผ่านวิธีการสวนล้างทางทวารหนักด้วยระบบปิด (Closed System) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับถ่าย และนำของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกมาให้หมด
ประโยชน์ของการสวนล้างลำไส้ขจัดสารพิษ (Colon Detox)
- ช่วยทำความสะอาดลำไส้ อุจจาระ แบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และสารพิษต่างๆ จะถูกชะล้างออกไป
- เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้แข็งแรงและทำงานได้มากขึ้น จึงช่วยผลักดันของเสีย เช่น กากอาหารและอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น และไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ
- ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียมาอุดตัน
- กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม
- ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น เพราะการสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ ส่งผลให้ร่างกายโดยรวมสามารถดูดซึมน้ำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ เพื่อให้เซลล์เหล่านั้นทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และชะลอการเกิดโรคได้
ประโยชน์จากการสวนล้างลำไส้ (Colon Detox) จะสามารถป้องกันและบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ดังนี้
- กลุ่มโรคทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก โรคลำไส้ระคายเคือง ลำไส้ใหญ่อักเสบ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย อาการมีกลิ่นปาก ลิ้นเป็นฝ้า แผลในปาก ริดสีดวงทวาร
- กลุ่มอาการโรคภูมิต้านทาน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคลมพิษผื่นแพ้ ภาวะภูมิต้านทานต่ำ โรคภูมิต้านทานไวเกิน รูมาตอยด์ (SLE )
- กลุ่มโรคความเสื่อมของร่างกาย เช่น ผิวพรรณเหี่ยวย่น แห้ง ไม่สดชื่น โรคข้อเสื่อม โรคมะเร็ง ปวดศีรษะ ไมเกรน เครียด นอนไม่หลับ
การเตรียมตัวก่อนการสวนล้างลำไส้ (Colon Detox)
- 2 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ ควรทานอาหารเบาและงดอาหาร 2 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ
- หลังการทำภายใน 10-15 นาที อาจมีอาการปวดอุจจาระ เป็นพักๆ ตามจังหวะปล่อยน้ำเข้า แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวดที่เกินกว่าปกติของการขับถ่าย
- บุคคลที่มีปัญหา โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ได้รับการผ่าตัดช่องท้องมาก่อนต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
- หลังการทำอาจมีอาการอ่อนเพลีย แต่ไม่มาก เพียงแค่ดื่มน้ำเกลือแร่ หรือซุปก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น
- หากมีประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้เครื่องดื่มกาแฟ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
ขั้นตอนการสวนล้างลำไส้เพื่อขจัดสารพิษ (Colon Detox)
การสวนล้างลำไส้จะเป็นแบบระบบปิด พยาบาลจะเป็นผู้ควบคุมเครื่องระบบแรงดันและปริมาณน้ำ จึงช่วยให้ไม่เกิดอันตรายกับลำไส้ สามารถส่งน้ำเข้าไปถึงลำไส้ส่วนต้น ล้างลำไส้ใหญ่ได้ทั้งระบบโดยไม่ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- วัดความดันโลหิต และชั่งน้ำหนัก
- พยาบาลจะนำผู้รับบริการไปยังห้องสวนล้างลำไส้และให้คำแนะนำอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอน ความรู้สึกขณะ และหลังทำหัตถการ
- เริ่มทำความสะอาดลำไส้ใหญ่โดยใช้น้ำ RO บริสุทธิ์ในระดับอุณหภูมิร่างกาย โดยการปล่อยน้ำเข้าสู่ร่างกายทางทวารด้วยสภาวะไร้แรงดันประมาณ 20-60 ลิตร เพื่อชำระล้างสารพิษ และของเสียตกค้างอย่างนุ่มนวล
- ใช้ Ozone ในการกำจัดอนุมูลอิสระออกจากลำไส้
- เติมจุลินทรีย์ชนิดดี (Probiotics) เข้าทดแทนส่วนที่ถูกล้างออกไปเพื่อให้ลำไส้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- การสวนล้างลำไส้จะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
- นอนพักต่ออีกประมาณ 5-10 นาที เพื่อขับถ่ายส่วนที่เหลือค้างอยู่ในลำไส้ออกให้หมดแล้วจึงค่อยทำความสะอาดร่างกาย
- หลังจากออกมาจากห้องสวนล้างลำไส้ เจ้าหน้าที่จะวัดความดันโลหิตอีกครั้ง และให้ชั่งน้ำหนักเพื่อเปรียบเทียบกับก่อนสวนล้างลำไส้
การปฏิบัติตัวหลังการสวนล้างลำไส้
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน
- งดอาหารหนักท้องหรืออาหารย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์
- รับประทานอาหารประเภทโปรตีนย่อยง่าย เช่น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา หรือไข่แทน
- ควรเติมแบคทีเรียชนิดดีอย่างโพรไบโอติกส์เข้าสู่ร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- หลังการสวนล้างลำไส้สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
การสวนล้างลำไส้ทำบ่อยได้แค่ไหน
การสวนล้างลำไส้ (Colon Detox) สามารถทำได้ในผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงโดยผู้ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 18 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับภาวะท้องผูก ท้องเสีย ขับถ่ายไม่เป็นเวลา และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีผดผื่นแพ้ง่าย โดยจำนวนครั้งในการทำนั้นในช่วงแรกสามารถสวนล้างลำไส้ได้ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ลำไส้ขับถ่ายและนำของเสียออกมาจากร่างกายจนหมดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวกับระบบการขับถ่ายที่ต่อเนื่องมากขึ้นได้แล้ว ก็สามารถเปลี่ยนมารับบริการเดือนละ 1 ครั้งได้ แต่ถ้ามีอาการท้องผูก ควรทำ 1-2 สัปดาห์/ประมาณ 3 ครั้งต่อเนื่องกัน ควบคู่ไปกับการดูแลเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพลำไส้
ข้อห้ามสำหรับการสวนล้างลำไส้
สำหรับการสวนล้างลำไส้จะมีข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยบางโรคดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดลำไส้โดยเปิดลำไส้ให้ขับถ่ายทางหน้าท้อง
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจ
- สตรีมีครรภ์ ผู้มีภาวะเสี่ยงตั้งครรภ์
- ผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนเพลียมากๆ เช่น รับประทานอาหารได้น้อย เดินไม่ไหว นอนติดเตียง
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องท้องหรือลำไส้ที่อยู่ระหว่างการรักษา
- ผู้ที่เป็นไส้เลื่อน หรือ มะเร็งลำไส้
- ผู้ที่ผ่าตัดช่องท้องไม่เกิน 3 เดือน
- ผู้ที่เป็นริดสีดวงอักเสบบวมแดง ถ่ายเป็นเลือดสด ๆ
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตทุกระยะ
การสวนล้างลำไส้ไม่ได้มีส่วนช่วยเพียงการทำความสะอาดลำไส้เพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคร้ายต่างๆ ที่อาจตามมาภายหลังได้ ทำให้กระบวนการเผาผลาญและการดูดซึมสารอาหารกลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพและยังบรรเทาอาการท้องผูกอีกด้วย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพนครธน