ป้องกันไข้หวัดใหญ่ ด้วยวัคซีนที่ครอบคลุมยิ่งกว่า

ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพนครธน

บทความโดย :

ป้องกันไข้หวัดใหญ่ ด้วยวัคซีนที่ครอบคลุมยิ่งกว่า

องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ครอบคลุมมากยิ่งกว่าเดิม


ไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ คืออะไร?

โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีชื่อว่า “ไวรัสอินฟลูเอนซ่า” (Influenza virus) โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Influenza A และ B ซึ่งแต่ละชนิดแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยๆ ดังนี้

  1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H1N1)
  2. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2)
  3. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria
  4. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata

ดังนั้นการใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ครอบคลุมไวรัสครบทั้ง 4 สายพันธุ์จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่อาจระบาดในฤดูกาลนั้นๆ ได้มากกว่า ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่น้อยลง


ไข้หวัดใหญ่ติดต่อแพร่เชื้อโรค ได้อย่างไร?

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยสาเหตุเกิดจากการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่กระจายอยู่ในอากาศจากการไอ จาม ของผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ หรือจากการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะปรากฎขึ้นหลังจากได้รับเชื้อมาแล้ว 1-3 วัน ดังนั้น ในบางครั้งที่อาการของโรคยังไม่ปรากฎ ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อให้คนที่อยู่ใกล้ชิดได้โดยไม่รู้ตัว


อาการของผู้ป่วย

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเริ่มมีอาการป่วยใน 1-2 วัน หลังได้รับเชื้อ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ อาจมีการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย โดยทั่วไปอาการป่วยจะดีขึ้นภายใน 3-4 วัน และหายเป็นปกติใน 1-2 สัปดาห์


การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

  • เมื่อมีอาการป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  • เวลาไอ หรือจาม ควรใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูกแล้วทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิด
  • ล้างมือบ่อยๆ ก่อนรับประทานอาหาร หลังไอ จาม หรือสั่งน้ำมูก
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไอจาม หรือมีไข้ตัวร้อน
  • หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
  • เมื่อป่วยควรหยุดงาน หยุดเรียน หยุดกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เพื่อให้หายป่วยเร็ว และไม่แพร่เชื้อให้กับคนอื่น
  • ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงป่วยรุนแรง อาทิ โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างรับเคมีบำบัด ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่


ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี?

เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่เสมอ ทำให้เกิดเชื้อใหม่ในสัตว์และในคนอยู่เป็นระยะ เป็นเหตุให้ภูมิคุ้มกันโรคในสัตว์และในคนที่มีอยู่เดิมอาจไม่สามารถป้องกันโรคได้ นอกจากนี้ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ไม่นานและมักจะลดต่ำลงในระยะเวลาไม่กี่เดือนหรือปี ดังนั้นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีจึงเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันเหมาะสมกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่มาใหม่ในแต่ละปี และมีระดับภูมิคุ้มกันสูงอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้เตรียมรับมือกับเชื้อที่อาจเข้าสู่ร่างกายของเรา


Update สายพันธุ์ปี 2024

โดยสายพันธุ์ปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) Southern strain หรือ ซีกโลกไต้ ได้แก่

  • ไวรัสชนิด A สายพันธุ์ Victoria (H1N1) (an A/Victoria/4897/2022 (H1N1) pdm09-like virus)
  • ไวรัสชนิด A สายพันธุ์ Thailand (H3N2) (an A/Thailand/8/2022 (H3N2)-like virus)
  • ไวรัสชนิด B สายพันธุ์ Austria (a B/Austria/1359417/2021 (B/Victoria lineage)-like virus)
  • ไวรัสชนิด B สายพันธุ์ Phuket (a B/Phuket/3073/2013 (B/Yamagata lineage)-like virus)

Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย