ทำไมผู้ใหญ่อย่างเราถึงต้องฉีดวัคซีนอีก? เพราะเมื่อเรามีอายุมากขึ้นระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ก็จะมีประสิทธิภาพที่ลดลงทำให้ติดเชื้อได้ง่าย วัคซีนหลายชนิดที่เคยฉีดนั้นไม่สามารถป้องกันโรคได้ตลอดชีวิต ฉะนั้นการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่จะช่วยการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรค พร้อมทั้งยังลดโอกาสเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคติดเชื้อรุนแรง ลดอัตราการเสียชีวิต ลดภาวะความเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุตามช่วงอายุ มีดังนี้
อายุ |
วัคซีนแนะนำ |
วัคซีนที่อาจพิจารณาฉีด |
18-26 ปี |
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เข็ม ทุกปี
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ กระตุ้น 1 เข็มด้วย Td ทุก 10 ปี
- วัคซีนอีสุกอีใส 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
- วัคซีนเอชพีวี (แนะนำสำหรับผู้หญิง) 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 หรือ 0, 2 และ 6
|
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ ให้วัคซีน Tdap แทน Td 1 ครั้ง (เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรนเพียงพอ เพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคไอกรนในผู้ใหญ่ และส่งผลในการลดการแพร่เชื้อจากผู้ใหญ่สู่เด็กเล็ก ซึ่งเด็กเล็กมีอัตราป่วยตายสูงเมื่อป่วยเป็นโรค)
- วัคซีนเอชพีวี (พิจารณาฉีดสำหรับผู้ชาย) 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 หรือ 0, 2 และ 6
- วัคซีนไข้เลือดออก 3 เข็ม เดือนที่ 0, 6 และ 12 (กรณีที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน) หรือวัคซีนไข้เลือดออก 2 เข็ม
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
|
27-64 ปี |
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เข็ม ทุกปี
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ กระตุ้น 1 เข็มด้วย Td ทุก 10 ปี
- วัคซีนอีสุกอีใส 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
|
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีป-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ ให้วัคซีน Tdap แทน Td 1 ครั้ง
- วัคซีนเอชพีวี (อาจพิจารณาฉีดแก่ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 26 ปี เพราะพบว่ายังได้ประโยชน์อยู่) 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 หรือ 0, 2 และ 6
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนไข้เลือดออกชนิด 2 เข็ม (อายุ ≤ 60 ปี) หรือ วัคซีนไข้เลือดออกชนิด 3 เข็ม (อายุ ≤ 45 ปีและเคยติดเชื้อมาก่อน)
- วัคซีนงูสวัด 1 เข็ม (อายุ ≥ 60 ปี) หรือ วัคซีนงูสวัด 2 เข็ม (อายุ ≥ 50 ปี)
|
65 ปีขึ้นไป |
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เข็ม ทุกปี
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ กระตุ้น 1 เข็มด้วย Td ทุก 10 ปี
- วัคซีนอีสุกอีใส 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต (PCV-13 vaccine) 1 เข็ม หรือ PCV-15 vaccine
- วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนิวโมคอคคัส ชนิดโพลีแซคคาไรด์ (PPSV-23 vaccine) 1 เข็ม
|
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ ให้วัคซีน Tdap แทน Td 1 ครั้ง
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนงูสวัดชนิด 1 เข็ม หรือ 2 เข็ม
|
วัคซีนสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ เบาหวาน ปอด (COPD) ไต มีดังนี้
วัคซีนแนะนำ |
วัคซีนที่อาจพิจารณาฉีด |
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เข็ม ทุกปี
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1 และ 6 (ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด)
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ กระตุ้น 1 เข็มด้วย Td ทุก 10 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต (PCV-13 vaccine) 1 เข็ม
- วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนิวโมคอคคัส ชนิดโพลีแซคคาไรด์ (PPSV-23 vaccine) 1 เข็ม (กรณีผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีที่เคยได้รับ PPSV-23 เข็มแรกก่อนอายุ 65 ปี ให้กระตุ้นอีก 1 เข็มหลังจากฉีดเข็มแรก 5 ปี)
|
- วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ ให้วัคซีน Tdap แทน Td 1 ครั้ง (เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคเพียงพอ เพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคไอกรนในผู้ใหญ่ และส่งผลในการลดการแพร่เชื้อจากผู้ใหญ่สู่เด็กเล็ก ซึ่งเด็กเล็กมีอัตราป่วยตายสูงเมื่อป่วยเป็นโรค)
|
อาการข้างเคียง
- หลังการฉีดวัคซีน ควรให้ผู้ที่รับวัคซีนนั่งพักดูอาการอย่างน้อย 15-30 นาที
- สามารถพบอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนได้ เช่น ปวด บวม แดง หรือคันบริเวณที่ฉีด และอาการทั่วไป เช่น ไข้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และปวดเมื่อยตามตัว โดยทั่วไปอาการมักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 2-3 วัน สามารถบรรเทาอาการได้โดยการประคบด้วยน้ำอุ่นบริเวณที่บวม ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาลง หรืออาจให้ยาแก้ปวดลดไข้ร่วมด้วย ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงในเวลาดังกล่าวแนะนำให้ปรึกษาแพทย์
- ประวัติการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) ต่อวัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีน เป็นข้อห้ามของการให้วัคซีนเดิมหรือวัคซีนที่มีส่วนประกอบเดิมในโดสถัดไป
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนถือว่าเป็นวิธีป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันการติดเชื้อจากโรคที่สามารถป้องกันได้ ทั้งนี้สามารถปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนเพื่อความเหมาะสมในแต่ละบุคคล