หินปูนในเต้านม คลำไม่เจอ บีบไม่เจ็บ ตรวจได้ด้วยแมมโมแกรม
ศูนย์ : ศูนย์รังสีวินิจฉัย, ศูนย์รักษ์เต้านม
บทความโดย : พญ. ณัชชา นิมมานสถิต
เพราะเรื่องเต้านมกับผู้หญิงเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอะไรผิดปกติที่เกิดในเต้านมก็คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ หากปล่อยผ่านไปอาจจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งที่เต้านมได้ และหลายๆ ครั้งมักมีคำถาม และข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเต้านม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องแคลเซียมหรือหินปูนในเต้านม ว่าคืออะไร เป็นอันตรายไหม ต้องผ่าตัดออกหรือไม่ แล้วจะกลายเป็นมะเร็งหรือเปล่า มาไขข้อสงสัยเหล่านี้กันดีกว่า
หินปูนในเต้านม คืออะไร?
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับ “หินปูนในเต้านม” กันก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วหินปูนเป็นสารประกอบทางเคมีที่เรียกว่าแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสารประกอบแคลเซียมในเต้านม เนื่องจากในเต้านมยังมีสารประกอบแคลเซียมชนิดอื่นๆ อีก เช่น แคลเซียมฟอสเฟต เป็นต้น ดังนั้นเพื่อลดความสับสน ในบทความนี้จึงขอเรียกทับศัพท์ว่าแคลเซียม
หินปูนพบได้เกือบทุกคนในผู้หญิงเกิดเพราะการตายของเซลล์ จะแสดงให้เห็นได้จากการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) ไม่สามารถคลำพบได้ด้วยมือเปล่า โดยจะเห็นเป็นสีขาวๆ ขนาดตั้งแต่จุดเล็กๆ เท่าเม็ดทรายจนถึงก้อนใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือ โดยทั่วไปไม่สามารถตรวจพบแคลเซียมโดยการคลำเต้านมยกเว้นแคลเซียมนั้นเกิดร่วมกับก้อนเนื้อที่ทำให้สามารถคลำพบได้
ลักษณะของหินปูนในเต้านม
สามารถแบ่งลักษณะของหินปูนในเต้านม ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ หินปูนชนิดที่ไม่อันตราย และหินปูนชนิดที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม
หินปูนชนิดที่ไม่อันตราย มีด้วยกันหลายแบบ เช่น
- หินปูนที่มีขนาดใหญ่ โดยมากหินปูนพวกนี้มักเกิดจากความเสื่อมของเซลล์ที่อยู่ภายในก้อนเนื้องอกชนิดหนึ่ง
- หินปูนที่มีลักษณะเป็นกลมๆ ขอบขาวๆ คล้ายเปลือกไข่ หินปูนพวกนี้เกิดจากการขาดเลือดของไขมันในเต้านม โดยเกิดจากการกระแทกโดยตรงที่เนื้อเต้านมอย่างแรง
- หินปูนที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด โดยแคลเซียมชนิดนี้จะจับที่ผนังเส้นเลือดแดงลักษณะคล้ายรางรถไฟ พบบ่อยในผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
- หินปูนที่อยู่ตามผิวหนัง มีลักษณะกลมๆ ใหญ่ๆ เห็นขอบเขตชัดเจน
- หินปูนที่มีลักษณะเป็นหลอดๆ รูปร่างคล้ายกระสวย หินปูนเหล่านี้มักเกิดจากสารคัดหลั่งในท่อน้ำนม
หินปูนชนิดที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม ซึ่งสามารถพิจารณาจาก 2 ลักษณะ ได้แก่ รูปร่างของหินปูน และการกระจายตัวของหินปูน
ลักษณะของหินปูน
- หินปูนเม็ดเล็กๆ ฝอยๆ ที่มีขอบเขตชัดเจน
- หินปูนเม็ดเล็กๆ ฝอยๆ ที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน เหมือนผงแป้ง
- หินปูนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยและมีความเข้มมากกว่า แต่ขนาดก็ดูไม่ค่อยสม่ำเสมอกัน
- หินปูนที่มีลักษณะทั้งความเข้มและขนาดไม่สม่ำเสมอกันเลย
- หินปูนที่มีลักษณะเป็นขีดเส้นตรงเล็กๆ สั้นๆ หินปูนประเภทนี้มักจะอยู่ตามเยื่อบุผนังท่อน้ำนม ถ้าพบเจอจะต้องให้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะหินปูนเหล่านี้อาจเป็นลักษณะของมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นได้
การกระจายตัวของหินปูน
- หินปูนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เส้นผ่านศูนย์กลางของกลุ่มหินปูนไม่เกิน 2 เซนติเมตร ก็มีความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม
- หินปูนมีลักษณะเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงตามแนวท่อน้ำนม หรือเป็นเส้นแบบกิ่งไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขา ลักษณะหินปูนเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมสูงมาก โดยหากพบเจอเข้าแพทย์มักจะต้องทำการเจาะพิสูจน์ชิ้นเนื้อเพื่อให้การวินิจฉัยทางพยาธิโดยเร็ว
หินปูนในเต้านมตรวจได้ด้วยแมมโมแกรม (Mammogram)
หินปูนในเต้านมไม่สามารถคลำพบได้ด้วยมือเปล่า จะแสดงให้เห็นได้จากการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) เป็นการตรวจเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์พิเศษเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ที่ไม่สามารถตรวจพบจากการตรวจร่างกายจะมองเห็นลักษณะความเข้มทึบที่ต่างกันของเนื้อเยื่อแต่ละชนิด เช่น เนื้อเยื่อเต้านม หลอดเลือด ไขมัน หินปูน หรือกลุ่มแคลเซียมที่เกิดจากมะเร็งท่อน้ำนมในระยะแรก ก้อนเนื้องอกที่มีขนาดเล็ก หรือ ตรวจติดตามหลังการผ่าตัด
พบหินปูนในเต้านมควรทำอย่างไร
เมื่อผลตรวจแมมโมแกรมออกมาแล้ว แพทย์แจ้งว่าพบแคลเซียม หรือหินปูนในเต้านม อย่าพึ่งตกใจไปถ้าในกรณีที่ตรวจพบหินปูนชนิดที่ไม่อันตราย ก็ไม่ต้องกังวลอะไร เพียงแค่ตรวจติดตามแมมโมแกรมเพียงปีละครั้ง (หมายความว่าไม่อันตรายแน่นอน) ส่วนในผู้ที่พบหินปูนชนิดที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม ก็จะมีแนวทางปฏิบัติอยู่ 2 ทางเลือก คือ 1) ตรวจติดตามแมมโมแกรมทุกๆ 6 เดือน หรือ 2) ทำการเจาะชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัย โดยพิจารณาตามความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะและการกระจายตัวของหินปูนที่พบ
ช่วงอายุที่เหมาะสมในการตรวจแมมโมแกรม
- ผู้ที่มีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัว โดยเฉพาะญาติสายตรง ควรเริ่มได้รับการทำแมมโมแกรมตั้งแต่ก่อนอายุที่ญาติสายตรงคนนั้นเริ่มเป็นมะเร็งเต้านม 5 ปี
- ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการทำแมมโมแกรมทุก 1-2 ปี ทั้งนี้หินปูนในเต้านมที่ตรวจพบจากแมมโมแกรมก็มีหลายลักษณะ ซึ่งหินปูนแต่ละลักษณะก็เกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป เรามารู้กันก่อนดีกว่าว่าหินปูนในเต้านมนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
- เกิดจากภาวะปกติในผู้สูงอายุ หินปูนพวกนี้มักจะเกาะอยู่ในผนังหลอดเลือด
- หินปูนที่เกิดจากการบาดเจ็บของเนื้อเต้านมอย่างแรง
- หินปูนที่เกิดจากสารคัดหลั่งต่างๆ ที่อยู่ในท่อหรือต่อมน้ำนม
- เซลล์บางตำแหน่งในก้อนเนื้องอกบางชนิดในเต้านมมีความเสื่อมไป
เมื่อทราบแบบนี้แล้วท่านที่ตรวจพบหินปูนที่เต้านมจะได้ไม่ต้องกังวล เพราะการตรวจพบหินปูนที่เต้านมไม่ใช่เรื่องที่อันตรายในทุกกรณีไป เพราะส่วนใหญ่แล้วแคลเซียมหรือหินปูนในเต้านมนั้นไม่อันตราย และพบได้บ่อยในการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสามารถปรึกษาแพทย์ออน์ไลน์ได้เลย
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์รังสีวินิจฉัย, ศูนย์รักษ์เต้านม