เทคโนโลยีการรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA)

ศูนย์ : ศูนย์มะเร็ง

บทความโดย : นพ. กิตติพงษ์ อุดมดำรงกุล

การรักษามะเร็ง

การรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง Radiofrequency Ablation (RFA) เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับการรักษามะเร็งหรือเนื้องอกโดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือเนื้องอกเฉพาะจุดในร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยทั่วไป RFA ใช้รักษามะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งไต มะเร็งกระดูก และเนื้องอกที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ และยังอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือมีข้อจำกัดในการผ่าตัด


การรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA)

การรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง Radiofrequency Ablation (RFA) มีขั้นตอน ดังนี้

  1. แพทย์ใส่เครื่องมือที่มีเข็มนำไฟฟ้าชนิดพิเศษ (Electrode Needle) เข้าไปยังตำแหน่งของก้อนมะเร็งผ่านผิวหนังหรือด้วยการผ่าตัดเล็กน้อย
  2. การนำเข็มเข้าสู่เนื้องอกอาจใช้เทคนิคช่วยนำทาง เช่น อัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่วยบอกตำแหน่งของก้อน
  3. คลื่นวิทยุที่มีความถี่สูงจะถูกปล่อยผ่านเข็มไปยังเนื้องอก โดยคลื่นนี้จะสร้างความร้อนในระดับสูง (ประมาณ 60-100 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยการจับตัวของโปรตีนในเซลล์
  4. การทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้เซลล์มะเร็งขนาดลดลง หรือตาย

> กลับสารบัญ


ข้อดีของการรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA)

  • สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้เฉพาะจุด โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง
  • ระยะเวลาในการรักษาสั้น ใช้เวลาในการรักษาเพียงเล็กน้อย ประมาณ 20-40 นาที
  • การพักฟื้นที่รวดเร็ว หลังการรักษาพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 วัน เท่านั้น ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว
  • ผลข้างเคียงน้อย โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

ผลการรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA)

  • RFA มีอัตราความสำเร็จสูงสำหรับมะเร็งที่ขนาดไม่เกิด 3 เซนติเมตร
  • อาจใช้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่น การให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

> กลับสารบัญ


ข้อจำกัดในการรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA)

  • เหมาะสำหรับเนื้องอกขนาดเล็ก (ไม่เกิน 3 ซม.) และตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
  • ใช้ได้กับเนื้องอกที่ยังไม่แพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น หรือใช้ควบคุมโรคที่กระจายไปบริเวณต่าง ๆ โดยก้อนที่กระจายไปขนาดเล็ก และให้ร่วมกับการรักษาเชิงระบบ (Systemic Therapy)
  • ไม่สามารถใช้กับมะเร็งทุกชนิด

> กลับสารบัญ


มะเร็งที่สามารถรักษาด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA)

  1. มะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma - HCC) เป็นหนึ่งในวิธีรักษาที่ได้รับความนิยมสำหรับมะเร็งตับ โดยเฉพาะในกรณีที่ก้อนมะเร็งมีขนาดไม่เกิน 3 ซม. และไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยมีประสิทธิภาพสูงในการทำลายเซลล์มะเร็ง และช่วยลดความเสี่ยงที่เนื้องอกจะกลับมาเกิดใหม่ ทั้งนี้สามารถใช้ร่วมกับการฉีดเคมีบำบัดเข้าสู่หลอดเลือดตับ (TACE)
  2. มะเร็งปอด (Non-Small Cell Lung Cancer - NSCLC) ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัด เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคร่วม เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยสามารถทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งเฉพาะจุดในปอด โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
  3. มะเร็งไต (Renal Cell Carcinoma - RCC) เหมาะสำหรับเนื้องอกขนาดเล็ก (ไม่เกิน 4 ซม.) หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ ช่วยลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อไตส่วนดี ช่วยรักษาการทำงานของไต
  4. มะเร็งกระดูก (Bone Metastases หรือ Primary Bone Tumors) ใช้เพื่อลดขนาดของเนื้องอกในกระดูก หรือเพื่อบรรเทาอาการปวดในกรณีที่เนื้องอกกระจายไปยังกระดูก โดยช่วยลดอาการปวดและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
  5. มะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น มะเร็งต่อมหมวกไต มะเร็งในระบบทางเดินอาหาร มะเร็งเต้านม (บางกรณี) เป็นต้น

> กลับสารบัญ



การรักษามะเร็งด้วยคลื่นความถี่สูง (RFA) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการรักษามะเร็งเฉพาะจุด ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ นับเป็นอีกทางเลือกในการรักษา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เป็นความหวังในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง เพื่อประเมินว่าวิธี RFA เหมาะสมกับสภาวะของตนเองหรือไม่ และพิจารณาร่วมกับวิธีการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลจากแพทย์ออนไลน์ได้เลย



ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย