ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร
ศูนย์ : ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ
การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร (EGD) เป็นมาตรฐานเพื่อการวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อีกทั้ง เป็นการตรวจที่สามารถทำได้ง่ายใช้เวลาไม่นาน และในโรคบางโรคแพทย์สามารถให้การรักษาได้ทันที เช่น ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน ทำให้ลดความจำเป็น และความเสี่ยงของผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัด
- อาการปวดจุกแน่นท้องหรือแสบร้อนบริเวณท้องส่วนบนหน้าอก หรือบริเวณลำคอ
- อาการท้องอืดท้องเฟ้อเหมือนอาการไม่ย่อย
- มีอาการเรอหรือคลื่นไส้อาเจียนบ่อยๆ
- อาการคลื่นติด คลื่นลำบาก หรือคลื่นแล้วเจ็บ
- อาการเจ็บคอ คอแห้ง เสียงแหบหรือไอบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการแสดงอันเนื่องมาจากความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนบน ซึ่งได้แก่ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากการรับประทานอาหารรสจัด รับประทานอาหารผิดประเภท หรือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา แต่ในความจริงแล้ว มีโรคทางเดินอาหารส่วนบนอีกมากที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเหล่านี้ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อนในหลอดอาหาร โรคหลอดอาหารอักเสบ โรคเนื้องอกในหลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไล (Helicobacter pylori) ในกระเพาะอาหารยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และยังสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารได้ ดังนั้น การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นย่อมส่งผลดีต่อการรักษา และสามารถป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นผลร้ายแรงได้
ข้อบ่งชี้ในการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
- ผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบนดังกล่าวข้างต้นที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ในกรณีที่พบแผล ในกระเพาะอาหาร แพทย์สามารถทำการตรวจพิสูจน์เนื้อเยื่อ (Tissue Biopsy) เพื่อแยกสาเหตุของการเกิดแผล รวมทั้งสามารถตรวจหาเชื่อแบคทีเรียฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไล (Helicobacter pylori) ได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสารมารถทำการผ่าตัดผ่านกล้องในกรณีพบติ่งเนื้องอกในทางเดินอาหารได้อีกด้วย
- ผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบนร่วมกับการมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนภัย ได้แก่ ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี ท้องอืดท้องโตเป็นเวลานาน คลำได้ก้อนบนท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด กลืนอาหารติด กลืนลำบาก มีอาการอาเจียนบ่อยๆ มีประวัติครอบครัวของโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยที่แสดงถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- เพื่อตรวจติดตามการการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) เพื่อยืนยันการหายของแผล และช่วยขจัดข้อสงสัย สาเหตุของแผลอันจากเกิดเนื่องจากเนื้องอกของกระเพาะอาหาร และติดตามการหายของเชื้อแบคทีเรีย ฮลิโคแบคเตอร์ไพโรไล หลังได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื่อโรค
- ผู้ที่มีอาการถ่ายอุจาระเป็นสีดำ ถ่ายเป็นเลือดปนดำ หรือมีภาวะโลหิตจาง ซึ่งบ่งบอกว่ามีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน (Upper Gastro Intestinal Bleeding: UGIB) การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบนสามารถให้การวินิจฉัยโรค และสามารถทำการรักษาห้ามเลือดได้ทันที
- เพื่อให้การรักษาในกรณีที่มีการกลืนสิ่งแปลกปลอมลงในหลอดอาหาร (Foreign Body Impaction) เช่น เหรียญ ถ่านแบคเตอร์รี เข็ม กระดูกสัตว์ กางปลา เป็นต้น
- เพื่อให้การวินิจฉัย และประเมินความรุนแรงในกรณีที่มีการกลืนสารกัดกร่อน (Corrosive Ingestion) เช่น กรดหรือ ด่าง น้ำยาล้างห้องน้ำ
- เพื่อทำการรักษา แก้ไขภาวะตีบตันของทางเดินอาหาร (Stricture) อันเป็นผลมาจากเนื้องอกทางเดินอาหารการเกิดแผลในทางเดินอาหาร หรือการตีบตันเป็นผลจากกลืนสารกัดกร่อน
การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารคืออะไร
การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร (EGD) เป็นมาตรฐานเพื่อการวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อีกทั้ง เป็นการตรวจที่สามารถทำได้ง่ายใช้เวลาไม่นาน โดยการใช้กล้องที่มีลักษณะ เป็นท่อขนาดเล็ก ปรับโค้งงอได้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 cm ที่ปลายกล้องจะมีเลนส์ขยายภาพ ปลายอีกข้างหนึ่งต่อเข้ากับเครื่องกำเนิดแสงและส่งภาพมายังจอรับภาพ ส่องเข้าไปในปาก ผ่านหลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารจะทำในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ เช่น ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน ทำให้ลดความจำเป็น และความเสี่ยงของผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัด ซึ่งในโรคบางโรคแพทย์สามารถให้การรักษาได้ทันที
การปฏิบัติตัวก่อนส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแลถึงความจำเป็นในการตรวจ และประเมินความพร้อมก่อนการตรวจส่องกล้อง ผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง โรคเลือดหรือทานยาใดๆ อยู่ประจำหรือแพ้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
กล้องส่องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscope) เป็นกล้องขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นสายยาว และมีกล้องติดอยู่ที่ปลายสายซึ่งกล้องจะถูกเชื่อมโยงด้วยสายใยนำแสงความละเอียดสูง และถูกถ่ายทอดไปยังจอภาพซึ่งแพทย์ และผู้ป่วยสามารถที่จะดูแลการตรวจได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้รับการตรวจจำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนเวลาส่องกล้อง และก่อนเริ่มตรวจส่องกล้องผู้รับการตรวจจะได้รับการพ่นยาชาที่บริเวณลำคอเพื่อป้องกันการระคายเคือง และกล้องจะถูกสอดผ่านทางปาก และลำคออย่างนุ่มนวลในท่าตะแคง เพื่อทำการตรวจอวัยวะสำคัญ 3 ส่วน คือ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น
ในบางกรณี ผู้ได้รับการตรวจได้รับยาคลายกังวล หรือยานอนหลับ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายขณะได้รับการตรวจด้วย การตรวจส่องกล้องเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้น ผู้ได้รับการตรวจจะได้พักผ่อนในห้องพักฟื้น(Recovery Room) ประมาณ 1-2 ชั่วโมง และสามารถทราบผลการตรวจส่องกล้องได้ในวันเดียวกัน
ขั้นตอนในการส่องกล้องกระเพาะอาหาร
- ผู้รับการตรวจจะได้การพ่นยาชาในลำคอและอาจได้รับการดมยาให้หลับ
- ผู้รับการตรวจจะนอนตะแคงซ้าย หรือขวา หลังจากนั้นจะใส่ที่กันกัดเพื่อให้ปากเปิดเล็กน้อย จากนั้นกล้องตรวจกระเพาะอาหารจะถูกใส่ผ่านลงไปยังหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นโดยไม่เจ็บ
- การตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหารเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หรืออาจจะนานกว่านั้นถ้ามีรอยโรคที่ต้องตัดชิ้นเนื้อตรวจเป็นจำนวนหลายชิ้นมากกว่าปกติ หรือมีการตัดติ่งเนื้อร่วมด้วย หรือมีการห้ามเลือด
- ระหว่างการตรวจ แพทย์จะใส่ลมเล็กน้อยเข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เจ้าหน้าที่จะดูดน้ำลายที่ออกมาด้วยเครื่องดูดเสมหะ
- เมื่อสิ้นสุดการตรวจ กล้องส่องกระเพาะอาหารจะถูกนำออกมาอย่างรวดเร็ว
การปฏิบัติตัวหลังการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
- สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ และงดเว้นการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- อาจมีอาการเจ็บคอประมาณ 1-2 วัน หลังการส่องกล้อง ซึ่งสามารถบรรเทาอาการได้โดยกลั้วคอด้วยน้าเกลืออุ่น หรืออมยาอมเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
- อาจจะรู้สึกท้องอืด ปวดมวนท้อง หรือ มีแก๊ส ซึ่งเป็นอาการปกติ และการผายลมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
- ไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วงวันที่ 1-2 หลังการส่องกล้อง (เช่น วิ่ง ยกของน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม หรือ ขี่จักรยาน)
- แพทย์จะให้ยาผ่านทางเส้นเลือด หากบริเวณที่เจาะเส้นเลือดมีอาการเจ็บ แดง หรือบวม สามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นวางบริเวณดังกล่าวประมาณ 15-20 นาที และทำวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน นอกจากนี้ การวางแขนบนหมอนหนุน จะช่วยให้อาการดังกล่าวลดลงได้ หากอาการดังกล่าว ไม่หายไปภายใน 2 วัน ควรปรึกษาแพทย์
- กรุณาหยุดใช้ยาชั่วคราว และปรึกษากับแพทย์ทางเดินอาหารและตับ หรือแพทย์ที่สั่งยาให้ ก่อนที่จะกลับไปใช้ยาดังกล่าวอีก
- ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือ ทำงานเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องจักรขนาดใหญ่ในช่วง 24 ชั่วโมง หลังส่องกล้อง
หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพบแพทย์ทันที
- เจ็บหน้าอกหรือปวดท้องรุนแรง
- อุจจาระเป็นสีดำเข้ม และ/หรือ อาเจียนเป็นเลือด
- มีลิ่มเลือดสีแดงสด หรือลิ่มเลือดจานวนมากออกมาทางทวารหนัก
- หนาวสั่นหรือมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
การส่องกล้องกระเพาะอาหาร นับเป็นเทคนิคหนึ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากในรักษาและการตรวจวินิจฉัย ซึ่งจะช่วยให้พบโรค สาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว และส่งผลให้การรักษาโรคได้ทันเวลา หากพบว่ามีอาการปวดท้องเรื้อรัง รักษาด้วยการรับประทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อาเจียนเรื้อรัง หรือมีพฤติกรรมรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาทำให้ปวดท้องเป็นๆ หายๆ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยการส่องกล้องกระเพาะอาหาร
ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ