การสวนหลอดเลือดหัวใจ... ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ศูนย์ : ศูนย์หัวใจ
บทความโดย : นพ. ศิรพัชร์ พูนวุฒิกุล
การสวนหัวใจ คือ การทำหัตถการ เป็นได้ทั้งการ “ตรวจ” และ “รักษา” โรคหัวใจ โดยการใส่สายสวน ซึ่งมีลักษณะคล้ายสายยางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1–2 มิลลิเมตร เข้าทางหลอดเลือดแดง เพื่อวัดความดันโลหิตในห้องหัวใจหรือหลอดเลือดรอบๆ หัวใจที่ปลายสายสวนนั้นไปถึงได้ ในบางครั้งอาจเรียกสั้นๆ ว่า “การฉีดสี”
ทั้งนี้ การสวนหัวใจเพื่อฉีดสีตรวจหลอดเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ จะทำผ่านหลอดเลือดแดงที่บริเวณขาหนีบ ข้อมือหรือข้อพับที่แขน โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งคนไข้จะรู้ตัวตลอดเวลา ไม่หลับ ถ้าเป็นการสวนหัวใจเพื่อการตรวจทั่วๆ ไป จะใช้เวลาประมาณ 20-60 นาที หลังตรวจเสร็จ แพทย์จะนำสายสวนออกจากตำแหน่งที่ทำหัตถการ แล้วกดตรงบริเวณที่ใส่สายเข้าไป เพื่อให้เลือดหยุดโดยใช้ยาหรือใช้อุปกรณ์ช่วยให้เลือดหยุดได้เร็วขึ้น แล้วแต่กรณีและความเห็นของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยที่เป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะถูกส่งต่อมายังห้องปฏิบัติการสวนหัวใจทันทีเพื่อให้ได้รับการเปิดเส้นเลือดโดยเร็วที่สุด (ภายใน 90 นาที)
ข้อบ่งชี้ในการตรวจ
- ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ เช่น มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
- ต้องการวัดความดันหัวใจต่างๆ
- ตรวจวินิจฉัยสมรรถภาพหัวใจโดยการออกกำลังกาย
- ตรวจเพื่อเตรียมการผ่าตัดหัวใจ
- อาการเจ็บหน้าอกรุนแรงที่ไม่ตอบสนองการรักษาด้วยยา
ขั้นตอนการรักษา
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สามารถรักษาได้ 2 วิธีหลักๆ ได้แก่ การสวนหลอดเลือดหัวใจและการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา ส่วนแต่ละวิธีจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมไปเลย
การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางขาและแขน
การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) จะใช้วิธีการสวนหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งทำได้ 2 จุดคือ
- การสวนหลอดเลือดหัวใจบริเวณขาหนีบ (Femoral artery) วิธีนี้จะใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ใช้ยาสลบ ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30-60 นาที หลังจากที่ทำเสร็จดึงสายสวนออก จะกดบริเวณขาหนีบประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องเย็บแผล ผู้ป่วยต้องนอนราบ และงอขาหนีบไม่ได้เป็นเวลา 6-10 ชั่วโมง และไม่สามารถลุกนั่งหรือเดินได้ในทันที
- สำหรับการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านบริเวณข้อมือ (Radial artery) วิธีนี้จะสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือได้ โดยใช้ระยะเวลาพักฟื้น 4-8 ชั่วโมง หลังจากทำหัตถการสามารถลุกนั่งหรือยืนได้ทันที มีเพียงสายรัดข้อมือ (TR band) ใส่ไว้ แต่ไม่นานก็สามารถถอดออกได้
การปฏิบัติตัวหลังจากสวนหลอดเลือดหัวใจ
- หลังจากทำหัตถการเสร็จแล้ว ผู้ป่วยจะต้องกลับมาพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วย เพื่อสังเกตอาการหลังการรักษา
- ผู้ป่วยไม่ควรลุกจากเตียงและไม่งอขาด้านที่แทงเส้นเลือด เป็นเวลาอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง (หากทำหัตถการที่บริเวณขาหนีบ)
- หากพบว่าบริเวณที่แทงเส้นเลือดบวมหรือขาข้างที่แทงเส้นเลือด ซีดหรือเย็นกว่าปกติควรแจ้งพยาบาลทราบ
- ถ้าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ให้รับประทานอาหารได้ตามความเหมาะสม
- ถ้าปวดแผล สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
การทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ
การทำบอลลูนหัวใจเป็นทางเลือกของการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ง่ายและสะดวก เพราะไม่ต้องผ่าตัด และการทำบอลลูนหัวใจมีความเสี่ยงน้อยเพียง 1% แต่ยังคงมีความเสี่ยงของการทำบอลลูนหัวใจอยู่บ้าง โดยภาวะเสี่ยงของการทำบอลลูนหัวใจอาจมีดังต่อไปนี้
- ติดเชื้อ มีเลือดออก หรือปวดบริเวณที่ใช้สายสวน
- เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- แพ้สารทึบแสง อาจเกิดภาวะช็อกได้
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- บางรายอาจเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจหรือกล้ามเนื้อหัวใจทะลุระหว่างทำการสอดใส่ท่อบอลลูนเข้าไปในเส้นเลือด
- เกิดภาวะลิ่มเลือดไปอุดตันที่สมอง (อุบัติการณ์น้อยกว่า 0.2%)
- เสียชีวิต (อุบัติการณ์น้อยกว่า 0.5%)
อย่างไรก็ตาม การทำบอลลูนหัวใจภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำก็จะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้
ประโยชน์ของการรักษา
การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน จะช่วยดันไขมันที่อุดตันหลอดเลือดอยู่ให้ไปชิดผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านจุดที่เคยตีบได้สะดวกขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บหน้าอกน้อยลง หายใจได้เต็มที่ขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้
การปฏิบัติตัวหลังจากขยายหลอดเลือดหัวใจ
- ต้องนอนราบอย่างน้อยประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง หลังทำการตรวจสวนหัวใจ ตำแหน่งที่ทำเป็นบริเวณข้อหนีบ
- ระหว่างนี้ควรจะดื่มน้ำ ประมาณ 1 ลิตร หากไม่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำดื่ม เพื่อขับสารทึบรังสี
- ดูแลแผลตำแหน่งที่ทำหัตถการอย่าโดนน้ำประมาณ 3 วัน หรือหากโดนให้ใช้เบตาดีนเช็ดบริเวณแผล
- สังเกตตำแหน่งบริเวณที่ทำหัตถการ หากมีเลือดไหล ปวด บวม แดงร้อน หรือเย็น ซีด เป็นก้อน ให้แจ้งพยาบาลประจำหอผู้ป่วยได้ทันที
- ถ้าปวดแผลบริเวณที่ทำหัตถการ สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ หรือปรึกษาแพทย์ก่อน
- รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดยาเอง สังเกตอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอกให้มาพบแพทย์ทันที
- งดออกกำลังกายหนักหรือใช้แรงมากในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- ห้ามยกของหนักเกิน 5 กิโลกรัม ประมาณ 1 เดือน หลังทำหัตถการตรวจสวนหัวใจ
- หากไอหรือเบ่ง ให้กดบริเวณแผลไว้ หลังทำหัตถการตรวจสวนหัวใจ ประมาณ 7 สัปดาห์ (ในกรณีทำบริเวณขาหนีบ)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์หัวใจ