ปัญหาเหงือกอักเสบ ไม่ดูแล อาจนำไปสู่โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง
ศูนย์ : ศูนย์ทันตกรรม
บทความโดย : ทพ. วุฒิพงษ์ เหล่าอมต
โรคเหงือกอักเสบ ถือว่าเป็นโรคในช่องปากที่พบได้บ่อยและเริ่มต้นด้วยอาการไม่รุนแรง จะมีอาการเหงือกบวม แดง รู้สึกเจ็บระคายเคือง ซึ่งควรได้รับการดูแลรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำเป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรงหรือสูญเสียฟันแท้ได้ในที่สุด
สารบัญ
โรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคปริทันต์ คืออะไร
โรคเหงือกอักเสบ คือ เหงือกมีลักษณะบวมแดง สาเหตุจากการแปรงทำความสะอาดฟันได้ไม่ดี ทำให้มีเศษอาหารตกค้างตามซอกฟันและร่องเหงือก สะสมเป็นแบคทีเรีย ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณขอบเหงือกและหากคราบแบคทีเรียนี้ยังไม่ถูกกำจัด ก็จะสะสมจนกลายเป็นหินปูนหนา ลึกลงไปใต้เหงือก หากยังปล่อยไปไว้โดยไม่รักษา จากเหงือกอักเสบเล็กน้อยก็จะกลายเป็นโรคปริทันต์ เพราะเชื้อโรคจากคราบหินปูนเข้าทำลายกระดูก และเนื้อเยื่อโดยรอบที่พยุงโอบรัดฟันเอาไว้เสียหาย ทำให้เหงือกและฟันเสียหายจนเหงือกไม่สามารถพยุงฟันได้ ทำให้ฟันหลุดไป หรือต้องถอนฟัน
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหงือกอักเสบ
- สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า หรือการเคี้ยวใบยาสูบ
- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน ข้ออักเสบ
- ฟันเก ฟันซ้อน ไม่เป็นระเบียบ เป็นสาเหตุให้ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
- การเสื่อมสภาพ หรือชำรุด ของวัสดุอุดฟัน
- ช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น วัยรุ่น วัยทอง หรือ ตั้งครรภ์
- รับประทานยาบางชนิดเป็นเวลานาน ๆ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยากันชัก
อาการของโรคเหงือกอักเสบ จนกลายเป็น โรคปริทันต์
- เหงือกมีสีแดงหรือคล้ำมากขึ้น บวม นุ่ม
- มีเลือดออกตามไรฟันขณะแปรงฟัน
- มีภาวะเหงือกร่นทำให้ฟันดูยาวขึ้น
- มีกลิ่นปากเรื้อรัง
- อาจมีหนองออกตามร่องเหงือก
- รู้สึกฟันกับไม่ติดกับเหงือก หรือขยับเวลาเคี้ยว ฟันโยก
ระดับความรุนแรงของโรคปริทันต์ แบ่งได้ดังนี้
- ระดับ 1 โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) คือ เหงือกที่มีอาการอักเสบเล็กน้อยมีลักษณะบวม แดงมีเลือดซึมออกมาขณะแปรงฟัน
- ระดับ 2 โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) เริ่มมีภาวะเหงือกร่นแยกตัวออกจากฟันเป็นเหตุให้ครายแบคทีเรียสามารถเข้าไปยังรากฟันเนื้อเยื่อปริทันต์และกระดูกเบ้าฟันได้
- ระดับ 3 โรคปริทันต์อักเสบขั้นรุนแรง (Advanced Periodontitis) เป็นภาวะกระดูกและเนื้อเยื่อรอบๆ ที่ช่วยพยุงฟันถูกทำลาย มีอาการฟันโยกและอาจสูญเสียฟันในที่สุด
การดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์
- แปรงฟันอย่างถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟัน เป็นประจำทุกวัน สามารถรักษาอาการเหงือกอักเสบระยะเริ่มต้นได้
- การทำความสะอาดช่องปากโดยทันตแพทย์ โดยเข้ารับการขูดหินปูนตามที่ทันตแพทย์นัดหมาย
- การกำจัดคราบจุลินทรีย์ และหินปูนที่เกาะบนผิวรากฟันให้สะอาด หรือที่เรียกว่า การเกลารากฟัน (root planning) เพื่อให้เหงือกกลับมามีสุขภาพที่ดี
จะป้องกันการเกิดโรคปริทันต์ได้อย่างไร
- การดูแลสุขภาพช่องปาก ได้แก่
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และมีสารออกฤทธิ์ลดการสะสมของแบคทีเรีย
- ทำความสะอาดซอกฟัน และร่องเหงือก ด้วยการใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน
- เข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือ ตามใบนัด อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการเคี้ยวใบยาสูบ
- การบริโภคอาหารให้เหมาะสมและมีประโยชน์
การดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี จะช่วงป้องกันการเกิดปัญหาเหงือกอักเสบได้ ทั้งนี้หากมีปัญหาเหงือกอักเสบ บวม แดง อย่าปล่อยทิ้งไว้ ให้เข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาอย่างทันท่วงที หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้เลย
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์ทันตกรรม