ภูมิแพ้ (ไม่แพ้) รู้ได้ด้วยการเจาะเลือด

ศูนย์ : บริการทางการแพทย์ด้านภูมิแพ้, ศูนย์สุขภาพเด็ก

บทความโดย : พญ. วราลี ผดุงพรรค

ภูมิแพ้ (ไม่แพ้) รู้ได้ด้วยการเจาะเลือด

อาการจาม คันจมูก คันตา เกิดผื่นแดงที่ผิวหนังเป็นประจำ ฯลฯ นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคภูมิแพ้อะไรสักอย่างอยู่ก็เป็นได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการแพ้ที่เป็นอยู่เกิดขึ้นจากสาเหตุใด ดังนั้นการตรวจทดสอบภูมิแพ้จึงมีความสำคัญที่จะทำให้เราทราบสาเหตุว่ามีความเสี่ยงต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดใด ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่ออาการแพ้ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการตรวจภูมิแพ้ไม่ได้มีเพียงทางผิวหนัง(Skin prick Test คนส่วนใหญ่เคยได้ยิน เท่านั้น แต่ยังมีการตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด (Allergy blood test) ที่สามารถหาสารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิดภายในครั้งเดียว และให้ผลการตรวจที่มีความแม่นยำสูง


ตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด

การตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด (Allergy blood test) เป็นการนำตัวอย่างเลือดไปตรวจหาหาปริมาณสารเคมีในเลือด หรืออิมมูโนโกลบูลินอี (IgE) ชนิดที่จำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิดโดยตรง (Specific IgE) ในห้องปฏิบัติการโดยผลตรวจจะทำให้แพทย์ประเมินได้ว่า ผู้ป่วยนั้นแพ้สารชนิดใดบ้าง และมากน้อยเพียงใด เพื่อทำการหลีกเลี่ยง หรือลดปริมาณการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นตัวกระตุ้น ซึ่งสามารถตรวจได้ทั้งภูมิแพ้อาหารกว่า 20 ชนิด อาทิ นมวัว ไข่ขาว ไข่แดง แป้งสาลี ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อาหารทะเลที่พบได้บ่อย หรือแม้กระทั้งกลุ่มข้าว เนื้อสัตว์ รวมไปถึงผักผลไม้บางชนิด เป็นต้น ภูมิแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกบ้าน (Indoor and outdoor allergen) จากการสัมผัสที่ตาจมูกผิวหนังและการสูดเข้าทางเดินหายใจเข้าจมูก ปาก ไปถึงหลอดลมและปอด อาทิ ไรฝุ่น แมลงสาบ รังแคขนน้ำลายแมว รังแคขนน้ำลายสุนัข สัตว์เลี้ยงมีขน เช่น หนูแฮมเตอร์ สปอร์เชื้อราและกลุ่มหญ้าละอองเกสร เป็นต้น


การเตรียมตัวก่อนตรวจ

  • แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่หลวมสบาย เสื้อแขนสั้น หรือไม่รัดแขน เพื่อความสะดวกในการเจาะเลือด
  • กรุณาแจ้งแพทย์ให้ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานอยู่
  • ผู้รับการตรวจไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร และงดยาแก้แพ้ ก่อนการตรวจ
  • สามารถเข้ารับการตรวจได้ทุกช่วงเวลาทำการ

ตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด

ขั้นตอนการตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด

แพทย์จะเริ่มจากการตรวจร่างกายและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นของผู้รับการตรวจ เช่น ประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว อาการที่เข้าข่ายภูมิแพ้ เป็นต้น จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการเจาะเลือดโดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวหนัง และใช้สายรัดรัดบริเวณที่จะเจาะเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อให้เห็นเส้นเลือด แล้วใช้เข็มเล็กๆ สอดเข้าไปในเส้นเลือด (ประมาณ 4-7 ซีซี) โดยส่วนใหญ่จะเจาะแขนด้านในบริเวณข้อศอก หรือหลังมือ บรรจุเลือดใส่ลงในหลอดเก็บเลือด นำยางรัดออกจากแขน เมื่อเก็บเลือดเพียงพอแล้ว จากนั้นจะนำตัวอย่างเลือดไปตรวจในห้องปฏิบัติการ โดยทั่วไปอาจจะใช้เวลาในการรอผลเลือดประมาณ 5-7 วัน


ข้อดีของการตรวจ

การตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือดสามารถทดสอบในเด็กที่ไม่สามารถทำการทดสอบโดยการสะกิดทางผิวหนังได้ เช่น เด็กหรือผู้ปกครองที่กังวลกลัวหรือร้องไห้มาก ปฏิเสธการทำการทดสอบผิวหนัง (Skin Prick Test) เพราะต้องใช้เข็มสะกิดหลายจุดและใช้เวลานานกว่า เด็กที่มีอาการแพ้มากแพ้รุนแรง (anaphylaxis) เพราะการทดสอบผิวหนัง (Skin Prick Test) มีความเสี่ยงการแพ้รุนแรงในการทดสอบ (1:100,000) ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยาแก้แพ้ต่อเนื่องไม่สามารถหยุดยาให้ได้ 7 วันเพื่อมาทดสอบผิวหนัง รวมทั้งยังเหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังหรือมีปฏิกิริยาทางผิวหนังไวต่อการสะกิด เช่น ผู้ป่วยโรคลมพิษ ซึ่งการทดสอบด้วยวิธีนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยจะยิ่งทำให้สามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้มากขึ้น และเพื่อป้องกันหรือลดความรุนแรงของอาการของโรคที่มีสาเหตุจากภูมิแพ้ เช่น โรคแพ้นมวัว โรคภูมิแพ้อากาศจมูกอักเสบ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น

หากมีอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะไปสัมผัส หรือทานอาหาร แล้วเกิดอาการแพ้ อากาศเปลี่ยนทีไร หายใจไม่สะดวกมีน้ำมูก อย่านิ่งนอนใจ ควรมาพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือทานอาหารประเภทใดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และยังสามารถนำไปสู่การวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย