อย่าปล่อยให้ “อาการปวดคอ” เป็นปัญหากวนใจ

ศูนย์ : ศูนย์กระดูกและข้อ

บทความโดย : นพ. นิธิวุฒิ ปิ่นสิรานนท์

อาการปวดคอ

คอ เป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อระหว่างศีรษะและลำตัว ประกอบด้วยกระดูกคอ 7 ชิ้น และมีกระดูกอ่อนเป็นหมอนรองคั่นระหว่างกระดูกแต่ละชิ้น เมื่อเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ กัน หมอนรองกระดูกจะถูกกด ซึ่งมีกล้ามเนื้อและเอ็นคอยป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย นอกจากนี้บริเวณคอยังเป็นทางผ่านของ ประสาทไขสันหลัง รากประสาท และหลอดเลือดโลหิตดำและแดง ดังนั้น คอจึงเป็นอวัยวะสำคัญที่ควรระมัดระวังไม่ให้ได้รับอันตราย


สาเหตุอาการปวดคอ

อาการปวดคอเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้

  1. การใช้คอในท่าทาง และรูปร่างที่ผิด เช่น นอนคว่ำอ่านหนังสือ
  2. ความเครียดจากการทำงาน ซึ่งคอต้องอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานๆ เช่น การนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
  3. อุบัติเหตุที่เกิดกับบริเวณคอโดยตรง
  4. ความเสื่อมของอวัยวะเมื่อมีอายุมากขึ้น
  5. จากสาเหตุอื่นๆ เช่น การแพร่กระจายของมะเร็งสู่บริเวณคอ

> กลับสารบัญ


ลักษณะของอาการปวดคอ

  • ปวดบริเวณต้นคอด้านหลังทั้งสองข้าง
  • ทำให้เคลื่อนไหวคอได้น้อยลงเนื่องอาการปวด
  • อาจมีการปวดร้าวไปที่ศีรษะ ข้างแก้ม ท้ายทอย หลัง อกส่วนบน แขนและมือ หรือมีอาการชาร่วมด้วย

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การรักษาอาการปวดคอ

  • อาการปวดคอเฉียบพลัน แพทย์จะให้ผู้ป่วยพักคอนิ่งๆ หรืออาจใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงคอ (คอลล่า) ร่วมกับการใช้น้ำอุ่นประคบ การใช้ยาลดการอับเสบและลดปวดร่วมกับการใช้ยาทาภายนอก
  • อาการปวดคอเรื้อรัง รักษาโดยการกำจัดสาเหตุเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง แพทย์จะตรวจวินิจฉัย หรือแนะนำให้ทำ MRI เพื่อตรวจสแกนแบบละเอียด ค้นหาสาเหตุของอาการปวดที่แท้จริง
  • การรักษาโดยการผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการของประสาทไขสันหลังถูกกด หรือมะเร็งที่แพร่กระจายมายังกระดูกสันหลังส่วนคอ ต้องรักษาโดยการผ่าตัดเท่านั้น

> กลับสารบัญ


เพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดคอ สามารถป้องกันได้ดังนี้

  1. ควรวางคอในท่าปกติเสมอ คือ ศีรษะ คอ คาง ไหล่ตรง ตามองตรงในระดับสายตา
  2. ไม่เอียงคอ หันคอ หรือสะบัดคอแรงๆ
  3. ไม่อยู่ท่าใดท่าหนึ่งนานๆ เช่น ก้มหน้า เงยหน้า เอียงคอ
  4. หลีกเลี่ยงการยกของหนักซึ่งต้องเกร็งไหล่และคอตลอดเวลา
  5. ไม่นั่งหลับในขณะรถแล่นอยู่ เพราะถ้ารถกระชาก จะทำให้ศีรษะถูกกระชากไปด้วย ก่อให้เกิดอาการปวดคอได้
  6. ไม่หนุนหมอนแข็งหรือนุ่มเกินไป ความสูงของหมอนควรได้ระดับไหล่ เมื่อนอนตะแคงถ้าหมอนสูงไปกระดูกคอจะงอ ถ้าหมอนต่ำไปหรือไม่หนุนหมอนกระดูกคอจะแอ่น ทำให้ปวดเมื่อยคอได้ และหมอนควรกว้างพอที่จะไม่ตกหมอน หมอนที่ถูกลักษณะ คือ หมอนที่หนุนเฉพาะต้นคอ หรือหมอนที่หนุนศีรษะแล้วหลังตื่นนอนรู้สึกสบายบริเวณคอ ไม่มีอาการปวดเมื่อยคอ
  7. ออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อคออย่างสม่ำเสอทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 เวลา เช้า–เย็น หรือทุกครั้งที่มีอาการปวดเมื่อยล้าคอ

> กลับสารบัญ


การบริหารกล้ามเนื้อคอ

ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวไม่เกร็งบรรเทาอาการปวดเมื่อยและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงกระดูกคอเสื่อมช้าลงหลักการ

  • เป็นการบริหารแบบเกร็งโดนยันและต้านสู้กันไว้ (ซึ่งใช้มือช่วยโดยวางมือในตำแหน่งต่างๆ ดังจะอธิบายต่อไป) ข้อสังเกตขณะยันและต้านสู้กันนั้น จะไม่มีการเคลื่อนไหวของกระดูกคอ
  • ให้เกร็งโดยยันและต้านสู้กันไว้แต่ละครั้งนานนับ 1-10 หรือ 6-10 วินาทีแล้วจึงคลายพักสักครู่ และทำใหม่ในลักษณะเดียวกันทำซ้ำๆ ไม่รุนแรงและไม่หักโหมทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง
  • ท่าบริหารทั้งหมด 4 ท่า ในแต่ละท่าให้เริ่มบริหารจากท่าคอปกติ คือ ศีรษะ คอ คาง และไหล่ตรง สายตามองตรงในระดับสายตา แล้วจึงค่อยเพิ่มหรือลดองศาครั้งละ 5-10 องศาจนสุดมุมของทั้ง 4 ท่า
  • ไม่บริหารขณะมีอาการปวดคอรุนแรงควรพักคอนิ่ง ๆ ในท่าคอปกติและพบแพทย์เพื่อการรักษาดูแลที่ถูกต้องต่อไป

> กลับสารบัญ



ท่าบริหาร

ท่าบริหารคอ 1. ท่าก้มคอ เริ่มต้นจากท่าคอปกติ ใช้มือข้างที่ถนัดยันต้านสู้กันบริเวณหน้าผากขณะที่ก้มคอ ดังนั้นคอจะไม่ก้มตาม และในขณะเดียวกันจะไม่มีการเคลื่อนไหวของกระดูกคอ
ท่าบริหารคอ 2. ท่าแหงนคอ ใช้มือสองข้างประสานกันวางที่ท้ายทอย โดยยันและต้านสู้กันไว้บริเวณท้ายทอยขณะบริหาร
ท่าบริหารคอ 3. ท่าตะแคงคอลงด้านขวาและด้านซ้าย ใช้มือด้านเดียวกับคอที่จะตะแคงลง ยันและต้านสู้กันไว้ที่บริเวณศีรษะเหนือหู
ท่าบริหารคอ 4. ท่าหันคอไปด้านขวาและซ้าย ใช้มือด้านเดียวกันกับคอที่จะหันไปยันและต้านสู้กันไว้ที่บริเวณคาง

> กลับสารบัญ


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย