หัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม อาจอันตรายถึงชีวิต
ศูนย์ : ศูนย์หัวใจ
บทความโดย : พญ. พัชรี ภาวศุทธิกุล

หากมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย ใจสั่น เจ็บหน้าอก อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ หรือมองข้ามไป เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของ “ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และเครียด อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหลอดเลือดสมองอุดตันได้
สารบัญ
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ คืออะไร?
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการเป็นอย่างไร?
- สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีอะไรบ้าง?
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีกี่ชนิด ?
- การตรวจวินิจฉัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- วิธีการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- วิธีป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะรักษาที่ไหนดี?
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้ทัน รักษาได้
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ คืออะไร?


หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ Cardiac Arrhythmia คือ ภาวะที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจทำงานผิดปกติหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และทำให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งโดยทั่วไปอัตราการเต้นของหัวใจ จะอยู่ที่ประมาณ 60 - 100 ครั้งต่อนาที โดยหัวใจห้องข้างบนและข้างล่างจะเต้นในจังหวะที่สัมพันธ์กันสม่ำเสมอ แต่เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเต้นช้าผิดปกติ คือ เต้นไม่สม่ำเสมอกัน อาจเต้นน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที หรือเต้นเร็วผิดปกติ เร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที บางกรณีหัวใจหยุดเต้นไปบางช่วง นั่นหมายถึงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการเป็นอย่างไร?
หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการ อาจแตกต่างกันไปตามชนิดและความรุนแรงของความผิดปกติ บางคนอาจไม่มีอาการเลย ขณะที่บางคนอาจมีอาการชัดเจนมากจนต้องได้รับการรักษาโดยด่วน โดยอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะมีดังนี้
- ใจสั่น รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรง เต้นเร็ว หรือเต้นพลาดจังหวะ
- หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
- หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที)
- หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที)
- เจ็บหน้าอก หายใจหอบ
- จุดแน่นขึ้นคอ ลิ้นปี่
- วิงเวียนศีรษะ เหงื่อออกมาก
- หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม หมดสติ
- มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียไม่มีแรง
สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีอะไรบ้าง?
หัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดจากอะไร เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในหัวใจ ซึ่งส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ โดยมีสาเหตุหลากหลาย ดังนี้
- การสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ ความเครียด
- โรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ อาทิ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ
- ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด ลิ้นหัวใจรั่ว ผนังหัวใจหนาผิดปกติ และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ภาวะนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับออกซิเจนและแรงดันในทรวงอก ซึ่งอาจนำไปสู่การเต้นผิดจังหวะ
- ยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำหนัก และยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคทางจิตเวช อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดการเต้นผิดจังหวะ
- ความเครียดหรือความวิตกกังวลกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะชั่วคราวได้
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีกี่ชนิด ?


หัวใจเต้นผิดปกติมีไม่ต่ำกว่า 10 ชนิด แต่ละชนิดจะมีกลไกการเกิด สาเหตุการเกิด อาการ วิธีการรักษา รวมถึงการพยากรณ์โรคที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปสามารถแบ่งชนิดของหัวใจเต้นผิดปกติเป็นสองแบบใหญ่ ๆ ได้แก่
- หัวใจเต้นช้าเกินไป (Bradyarrhythmia) คือ มีอัตราการเต้นของหัวใจช้าน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที อาทิ
- ภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) อัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาที ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองและส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ
- Heart Block การส่งสัญญาณไฟฟ้าจากบนลงล่างของหัวใจ ติดขัดหรือถูกขัดขวาง ทำให้หัวใจจะเต้นช้าผิดปกติ และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
- หัวใจเต้นเร็วเกินไป (Tachyarrhythmia) คือ มีอัตราการเต้นของหัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที อาทิ
- หัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) หัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะและเร็วผิดปกติ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดในสมอง ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบได้มาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน ผู้ที่มีโรคหัวใจ เป็นต้น
- ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ (Supraventricular Tachycardia – SVT) อัตราการเต้นของหัวใจเร็วผิดปกติมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที มักอยู่ในช่วง 150-250 ครั้งต่อนาที
- ภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ชนิด PVC หรือ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด PVC (Premature ventricular contraction - PVC ) เกิดจากหัวใจห้องล่างเกิดการบีบตัวก่อนเวลาที่ควรจะเป็น
- หัวใจจะเต้นเร็วผิดปกติและไม่เป็นจังหวะ (Ventricular Fibrillation) เป็นสาเหตุทำให้หมดสติและเสียชีวิตกะทันหัน หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลา ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบได้น้อย

การตรวจวินิจฉัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ
การจะรู้ว่าเรามีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่นั้น แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการของผู้ป่วย ประวัติทางการแพทย์ และการตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจเบื้องต้น หรืออาจทดสอบเพื่อหาปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยแพทย์อาจมีแนวทางในการวินิจฉัยการตรวจคัดกรองเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ดังนี้
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG) เป็นตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่ออกมาจากหัวใจ หรือตรวจความสมบูรณ์ของคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจ
- การตรวจและบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้ Holter Monitor เป็นการติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชม. ไว้กับตัว เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจจับความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจได้อย่างละเอียด และเมื่อครบกำหนด 24 ชม. จึงกลับมาถอดเครื่องคืนในวันถัดไป และรอรับทราบผลการตรวจวิเคราะห์จากแพทย์ ว่ามีกราฟคลื่นหัวใจผิดปกติหรือไม่
- การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ เช่น การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ขนาดของห้องหัวใจ การไหลเวียนเลือดในหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจ และดูตำแหน่งของหลอดเลือดต่างๆ ที่เข้า-ออกจากหัวใจ
- การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST) เป็นการตรวจหาความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด ที่ตรวจไม่พบในขณะที่ร่างกายหยุดพัก หรือไม่ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะเมื่อมีการออกกำลังกาย หัวใจจะต้องการใช้ออกซิเจนจากเลือดเพิ่มมากขึ้น
วิธีการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ


โดยปกติโรคหัวใจจะมีการรักษาที่แตกต่างกันไปตามแต่อาการที่เป็น เช่น บายพาส หรือ บอลลูนหัวใจ ในผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออุดตัน ส่วนการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น สามารถทำได้ดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หัวใจเต้นผิดจังหวะ รักษาเบื้องต้น ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงและควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยในบางรายที่อาการยังเป็นไม่มาก คือ ยังไม่ได้มีหัวใจเต้นผิดจังหวะจนทำให้เกิดอาการของหัวใจวาย หรือหัวใจขาดเลือด จะมีแค่ใจสั่น ๆ เป็นบางเวลา แพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือชากาแฟ ควบคุมความเครียดและลดการกังวล
2. การใช้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
การใช้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ ในรายที่เป็นมากขึ้นอาจจะต้องใช้ยาเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจร่วมด้วย เช่น ยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (betablocker)
3. การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามารักษา
- การจี้ด้วยไฟฟ้าผ่านคลื่นเสียงความถี่สูง (Electro Physiologic Study and Radiofrequency Ablation) เป็นการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาสลบและไม่เจ็บตัวขณะที่ทำการรักษา จะกระทำได้โดยการสวนสายสวนหัวใจ จากบริเวณขาหนีบ ไปยังตำแหน่งของวงจรไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติ แล้วทำการจี้รักษาโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่เกิดความร้อนขึ้นที่ปลายสายสวนหัวใจ ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลเพียง 1 คืนหลังจากทำเสร็จ หลังจากนั้นก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) เป็นการฝังอุปกรณ์เข้าไปในผนังหน้าอก ใต้ผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยเครื่องจะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังหัวใจห้องที่ทำงานผิดปกติ สัญญาณไฟฟ้าจะช่วยให้หัวใจเต้นเร็วพอ ที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและอวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้มากเพียงพอ จะใช้การรักษานี้ในกรณีที่มีการเต้นของหัวใจช้ากว่าปกติ
- การฝังเครื่องช็อกหัวใจอัตโนมัติ (AICD : Automatic Implantable Cardioverter Defibrillator) การใส่เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติชนิดผ่าตัดฝังติดตัวผู้ป่วยในรายที่หัวใจเต้นผิดจังหวะเร็วอย่างมาก เช่น Ventricular Tachycardia, Ventricular Fibrillation
วิธีป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถป้องกันได้ด้วยการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยการปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพโดยรวม ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไร้มัน และไขมันดี ลดอาหารที่มีเกลือ ไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์สูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- งดสูบบุหรี่ จำกัดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- จัดการความเครียดและนอนหลับให้เพียงพอ
- ดูแลโรคประจำตัวให้ดี เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไทรอยด์ เพราะโรคเหล่านี้มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ
- การตรวจสุขภาพสามารถช่วยให้ตรวจพบและจัดการกับปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
หัวใจเต้นผิดจังหวะรักษาที่ไหนดี?
หากมีอาการที่เข้าขายหัวใจเต้นผิดปกติ เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอก หายใจหอบ วิงเวียนศีรษะ เป็นต้น เกิดขึ้นอย่างกะทันหันหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรรีบไปพบแพทย์ ซึ่งทางศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลนครธนพร้อมดูแลทุกปัญหาสุขภาพหัวใจของคุณแบบครบวงจร ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ และพยาบาลที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจโดยเฉพาะ มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมถึง ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ ห้องผ่าตัด และห้องพักผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจที่ได้มาตรฐาน จึงมั่นใจได้ว่า ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาและดูแลอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้ทัน รักษาได้
ถ้าคุณมีอาการใจสั่น หน้ามืด เป็นลม หรือรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพราะการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนได้มาก โดยศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลนครธน พร้อมดูแลทุกปัญหาสุขภาพหัวใจ ทั้งการตรวจวินิจฉัย การรักษา และการให้คำแนะนำปรึกษาในการป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ การดูแลสุขภาพองค์รวมและการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ทำให้สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์หัวใจ