กระดูกพรุนรู้ก่อน ป้องกันได้ รักษาเร็ว ด้วยการตรวจ Bone Densitometry
ศูนย์ : ศูนย์กระดูกและข้อ
บทความโดย : นพ. พีรพัฒน์ จิระรัตนานุกูล

ภาวะกระดูกพรุนเมื่อเป็นแล้วมักมีอาการปวดตามบริเวณเอว หลัง ข้อมือ หรือกระดูกเริ่มมีรูปร่างเปลี่ยนไป เช่น หลังโก่ง หลังค่อม หรือส่วนสูงลดลง เป็นต้น บริเวณที่พบกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนได้บ่อย ได้แก่ บริเวณกระดูกข้อมือ กระดูกหลัง และกระดูกสะโพก ซึ่งการหักของกระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณกระดูกสะโพก ในคนที่มีภาวะกระดูกพรุนนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ช่วยเหลือตัวเองลำบาก เคลื่อนไหวช้าลง แผลกดทับ ติดเชื้อในกระแสเลอด ฉะนั้น การตรวจมวลกระดูก หรือ การตรวจดูความหนาแน่นของกระดูก (Bone Densitometry) จะทำให้ทราบว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด
สารบัญ
- การตรวจดูความหนาแน่นของกระดูก (Bone densitometry) คืออะไร
- ขั้นตอนการตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone densitometry)
- การวินิจฉัยภาวะกระดูกพรุน
- ใครบ้างควรตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก
- ใครบ้างที่ไม่ควรตรวจ
- การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะกระดูกพรุน
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การตรวจดูความหนาแน่นของกระดูก (Bone densitometry) คืออะไร
การตรวจมวลกระดูก หรือ การตรวจดูความหนาแน่นของกระดูก (Bone Densitometry) เป็นการตรวจหาค่าความหนาแน่นของกระดูกตามส่วนต่างๆ เช่น กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก ข้อมือ และกระดูกทั้งตัว ว่ามีภาวะกระดูกพรุนมากน้อยเพียงใด โดยการใช้รังสีที่เรียกว่า Dual Energy X-ray Absorptiometry scanner หรือ DEXA scanner พลังงานต่ำสะท้อนภาพเนื้อเยื่อกระดูก ซึ่งจะทราบผลการตรวจอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย
ขั้นตอนการตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone densitometry)
ก่อนการตรวจผู้เข้ารับการตรวจไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใด ๆ เป็นพิเศษทั้งสิ้น สามารถตรวจได้เลย และในวันตรวจสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ เมื่อตรวจเสร็จแล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่มีรังสีใด ๆ หลงเหลืออยู่ในตัว แต่อาจต้องมีการเปลี่ยนชุด จึงขอแนะนำให้ผู้เข้ารับการตรวจใส่ชุดที่สบาย ถอดเปลี่ยนได้ง่าย และไม่ใส่เครื่องประดับ
โดยทั่วไปแพทย์จะตรวจกระดูกที่มีโอกาสหักได้ง่ายจากโรคกระดูกพรุนใน 3 ตำแหน่ง ได้แก่ กระดูกสะโพก (Total Hip) กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar spine) และกระดูกแขนส่วนปลาย (1⁄3 radius) โดยเฉพาะกระดูกสะโพกและกระดูกสันหลังส่วนเอวที่นิยมตรวจกันมากที่สุด โดยผู้ป่วยจะนอนราบลงบนเตียงที่เคลื่อนไหวแล้วเครื่อง DEXA จะสแกนบริเวณที่ต้องการตรวจ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที และสามารถทราบผลได้ทันที

การวินิจฉัยภาวะกระดูกพรุน
สามารถประเมินสภาวะโรคกระดูกพรุนโดยสามารถวัดได้จากค่า T-Score ซึ่งเป็นหน่วยวัดความหนาแน่นของกระดูกในเชิงเปรียบเทียบกับกระดูกของผู้อื่นที่อยู่ในวัย 30 ปี ที่ถือว่าเป็นวัยที่กระดูกกำลังมีความหนาแน่นสูงที่สุดเป็นมาตรฐาน ดังนี้
- ค่า T-Score มากกว่า -1 ขึ้นไป = กระดูกหนาแน่นปกติ (Normal bone) กระดูกแข็งแรง
- ค่า T-Score อยู่ระหว่าง -1 ถึง -2.5 = โรคมวลกระดูกน้อยหรือกระดูกบาง (Osteopenia) มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกพรุน
- ค่า T-Score ต่ำกว่า -2.5 = โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
ใครบ้างควรตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก
การส่งตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Densitometry) ได้ประโยชน์และคุ้มค่าในกลุ่มนี้
- ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนเร็วกว่าอายุ 45 ปี (early menopause) รวมถึงผู้ที่ถูกตัดรังไข่ทั้งสองข้าง
- ผู้ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องนานกว่า 1 ปี ก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือไม่มีประจำเดือนเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น เจ็บป่วยเรื้อรัง ออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลานาน intensive exercise เป็นต้น ยกเว้นการตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่ได้รับยา Steroid เป็นเวลานาน (prednisolone มากกว่าหรือเท่ากับ 5 mg/day หรือเทียบเท่า นานกว่า 3 เดือน)
- บิดาหรือมารดามีกระดูกสะโพกหักจากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง
- ส่วนสูงลดลง มากกว่าหรือเท่ากับ 4 cm. เมื่อเทียบกับประวัติส่วนสูงที่สูงสุดของผู้ป่วย
- BMI น้อยกว่า 20 kg/m2
- ผู้หญิงที่ได้รับการรักษาด้วย Aromatase Inhibitors หรือ ผู้ชายที่ได้รับการรักษาด้วย Androgen Deprivation Therapy
- ตรวจพบกระดูกบาง หรือ กระดูกสันหลังผิดรูปจาก X-ray (พบกระดูกสันหลังหักยุบ)
- มีประวัติกระดูกหักจากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง (Fragility fracture)
- บุคคลที่มีโรคหรือภาวะที่ทำให้มวลกระดูกลดลง เช่น ไตวาย เบาหวาน โรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์ ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทางานมากเกินไป พิษสุราเรื้อรัง ธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง เป็นต้น
ใครบ้างที่ไม่ควรตรวจ
- ผู้หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่เพิ่งเข้ารับการตรวจที่ต้องรับประทานสารทึบรังสี หรือสารกัมมันตรังสี
- ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการจัดท่าที่เหมาะสมสำหรับการตรวจ
การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะกระดูกพรุน
- ควรสะสมมวลกระดูกตั้งแต่วัยเด็กและวัยรุ่น ด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการรำมวยจีน เป็นต้น
- การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารมีแคลเซียมสูง เช่น นม กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งตัว ถั่วต่างๆ เต้าหู้ งาดำ ผักใบเขียว ได้แก่ ผักโขม คะน้า ชะพลู ใบยอ
- ลดอาหารมีไขมันสูง เพราะจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดสูบบุหรี่
- การตรวจสุขภาพและตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี
การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกเป็นการตรวจที่ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด ช่วยให้เราสามารถตรวจพบภาวะกระดูกพรุนได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม หากคุณมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์กระดูกและข้อ