อัลตราซาวด์ 4D เทคโนโลยีที่คุณแม่ตั้งครรภ์ปลื้มสุดๆ

ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพสตรี

บทความโดย :

อัลตราซาวด์ 4D เทคโนโลยีที่คุณแม่ตั้งครรภ์ปลื้มสุดๆ

บรรดาว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์คงอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าลูกในท้องจะเป็นอย่างไร สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไหม มีความผิดปกติใด ๆ หรือเปล่า ถ้าจะทำอัลตราซาวด์ควรทำแบบไหนดี เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบ 2 มิติก็มี แบบ 3 มิติก็ดี แบบ 4 มิติก็เลิศ แล้วแต่ละแบบต่างกันอย่างไร ไปทำความเข้าใจกันได้เลย



อัลตราซาวด์ คืออะไร?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อัลตราซาวด์ (Ultrasound) นั้นเป็นคลื่นเสียงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความถี่สูงเกินกว่า 20,000 Hz คลื่นเสียงอัลตราซาวด์นี้ปัจจุบันได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นเครื่องมือใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย รวมทั้งในทางการแพทย์ โดยพัฒนาอัลตราซาวด์มาใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคต่าง ๆ จนกลายมาเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับแพทย์และผู้ป่วย

หลักการทำงานของเครื่องอัลตราซาวด์ ก็คือ เครื่องจะทำการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ออกไปจากหัวตรวจ ผ่านผิวหนังลงไปยังเนื้อเยื่อที่อยู่ภายในร่างกาย แล้วสะท้อนกลับออกมาเป็นภาพให้เห็น แต่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายของเรานั้นมีความสามารถในการดูดซับคลื่นอัลตราซาวด์ไม่เท่ากันจึงสะท้อนคลื่นกลับออกมาแตกต่างกัน หัวตรวจจะทำหน้าที่รับสัญญาณคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับมาในระดับต่าง ๆ และคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครื่องอัลตราซาวด์จะทำการประมวลสัญญาณที่สะท้อนกลับมาและสร้างเป็นภาพขึ้นมาได้

> กลับสารบัญ


การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องอัลตราซาวด์

การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องอัลตราซาวด์นี้ นอกจากสามารถตรวจดูว่ามีความผิดปกติใด ๆ ในร่างกายของผู้ป่วยได้แล้ว ยังสามารถตรวจดูทารกที่อยู่ในครรภ์ได้อีกด้วยว่ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงหรือไม่ แตกต่างจากในสมัยอดีตที่ยังไม่มีอัลตราซาวด์ ซึ่งแพทย์จะต้องใช้มือคลำดูว่าทารกโตขึ้นหรือไม่ในแต่ละเดือน ร่วมกับใช้หูฟังดูว่าทารกที่อยู่ในครรภ์นั้นมีการเต้นของหัวใจเป็นปกติหรือไม่

แต่ปัจจุบัน การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์จะช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นตัวของทารกในครรภ์ได้อย่างชัดเจน สามารถวัดขนาดได้ว่าตอนนี้ทารกตัวยาวกี่เซนติเมตร สามารถเห็นการเต้นของหัวใจ และบอกได้เลยว่าทารกมีสุขภาพแข็งแรงหรือไม่ ร่างกายมีความพิการหรือความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ ทารกมีหน้าตาเช่นไร เป็นเพศชายหรือเพศหญิง ตามขอบเขตของการมองเห็นจากภาพที่สะท้อนออกมา ซึ่งบางปัจจัยอาจส่งผลให้มองไม่เห็น เช่น ท่าของทารก เป็นต้น

ในปัจจุบัน เครื่องอัลตราซาวด์นั้นมีการทำงานที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เครื่องอัลตราซาวด์ในสมัยเริ่มแรก สามารถมองเห็นภาพทารกได้เป็นแบบสองมิติ (Ultrasound 2D) คือภาพที่มีความกว้างและความยาว หรือภาพตัดขวางตามแนวของคลื่นเสียงที่ถูกส่งออกไป แต่ในเครื่องอัลตราซาวด์สมัยใหม่นั้นเครื่องจะเก็บภาพสองมิติหลาย ๆ ภาพ ตามแนวที่หัวตรวจเคลื่อนผ่านไปและนำมาประกอบกันขึ้นเป็นภาพสามมิติ (3D) ซึ่งมีความลึกของภาพ ทำให้ดูเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นเครื่องตรวจอัลตราซาวด์บางรุ่นยังสามารถเก็บภาพสามมิติแต่ละภาพไว้ แล้วนำมาแสดงผลเรียงต่อกันกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับภาพยนตร์ จึงมีชื่อเรียกว่าอัลตราซาวด์สี่มิติ (Ultrasound 4D) โดยที่มิติที่สี่คือ “เวลา” นั่นเอง

> กลับสารบัญ


การตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4D)

ปัจจุบัน การตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4D) เป็นการตรวจที่เพิ่มความตื่นเต้นอัศจรรย์ให้กับคนในครอบครัว ในการต้อนรับสมาชิกใหม่ และเป็นที่นิยมแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถมองเห็นหน้าตาของทารกได้อย่างชัดเจน สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ได้ รวมไปถึงการศึกษาพฤติกรรมต่าง ๆ ของทารก เช่น เห็นทารกทำการเล่นกับสายสะดือ การดูดนิ้ว การหาว หรือยิ้ม ซึ่งนำมาซึ่งความปลื้มปิติของคุณพ่อคุณแม่ และยังนำมาซึ่งความมั่นใจและสบายใจได้ว่าทารกมีสุขภาพแข็งแรงและพร้อมจะออกมาลืมตาดูโลก

> กลับสารบัญ


อัลตราซาวด์ 4 มิติ บอกอะไรได้บ้าง?

  • การเจริญเติบโต และพัฒนาการในครรภ์
  • เพศของทารก
  • ตำแหน่งทารก สายสะดือ และปริมาณน้ำคร่ำ
  • โครงสร้างกะโหลกศีรษะและสมอง
  • หัวใจ และการไหลเวียนเลือด
  • กระดูกสันหลัง กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และไต
  • แขน ขา มือ เท้า และนิ้ว
  • ใบหน้า และอวัยวะต่างๆ บนใบหน้า
  • อัตราการเจริญเติบโตของทารก ขนาดรอบศีรษะ ความยาวและน้ำหนัก

> กลับสารบัญ


ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำอัลตราซาวด์แบบ 3 มิติและ 4 มิติ

  • ช่วงที่คุณมีอายุครรภ์ประมาณ 26–32 สัปดาห์ เพราะว่าถ้าทำก่อนหน้านั้นจะเห็นแค่โครงกระดูกของเด็กมากกว่า เนื่องจากร่างกายเด็กยังไม่สามารถสร้างไขมันได้เพียงพอ ส่วนเมื่ออายุครรภ์หลังจาก 32 สัปดาห์ไปแล้ว อาจจะมองเห็นไม่ชัด เพราะลูกอาจจะเริ่มกลับหัว บริเวณหน้าอาจจะอยู่บริเวณกระดูกเชิงกราน
  • การอัลตราซาวด์ทุกครั้งอาจจะไม่เห็นหน้าลูกทุกครั้งเหมือนอย่างที่คุณคิด ขึ้นอยู่กับว่าลูกกำลังนอนท่าไหน ซุกหน้าอยู่หรือเปล่า แพทย์อาจจะช่วยกระตุ้นให้เด็กขยับตัว พลิกตัวไปมา เพื่อหามุมให้เห็นหน้าชัดขึ้น แต่เด็กบางคนก็ขี้เซานะคะไม่ยอมพลิกตัว สงสัยกำลังหลับสบายในท้องแม่ ลูกดิฉันแอบไม่พอใจที่คุณหมอพยายามปลุก ปัดมือไปมา กลืนน้ำลายและหันหน้าหนีนอนต่ออีก ทีนี้เลยต้องเปลี่ยนท่านอนเองเพื่อให้ได้มุมที่ดีขึ้นบางครั้งคุณหมออาจจะต้องให้คุณออกไปเดินเล่น หรือนัดใหม่อีกสัปดาห์หนึ่ง หากลองกระตุ้นให้ลูกพลิกตัวแล้ว แต่ลูกยังไม่สามารถพลิกมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้
  • การอัลตราซาวด์ทั้ง 3 มิติและอัลตราซาวด์ 4 มิติปลอดภัยเท่าเทียมกันกับการทำแบบ 2 มิติ เพราะใช้พื้นฐานของการทำแบบ 2 มิติ แต่มาปรับเพิ่มมิติอื่นๆ เองจากเครื่องมือ

> กลับสารบัญ


เมื่อทราบดังนั้นแล้วคุณพ่อคุณแม่บางท่านยังเป็นกังวลอยู่ว่าการตรวจอัลตราซาวด์ไม่ว่าจะเป็นแบบกี่มิติ จะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ว่าจะกี่มิติก็ตาม ยังไม่เคยพบรายงานใดๆ เกี่ยวกับการตรวจอัลตราซาวด์ว่าก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกหรือมารดาเลย แม้ว่าจะมีการตรวจซ้ำหลายครั้งก็ตาม แต่กลับเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยความผิดปกติของทารก และช่วยให้แพทย์สามารถทำการตัดสินใจในการให้การรักษาได้ดีขึ้น ดังนั้น การตรวจอัลตราซาวด์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทุกท่าน



ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย