โรคประสาทหูเสื่อม วัยไหนก็มีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้น
ศูนย์ : ศูนย์โสต ศอ นาสิก
บทความโดย : นพ. นฤวัต เกสรสุคนธ์
เส้นประสาทหูเสื่อม (Presbycusis) เป็นภาวะที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทหูชั้นใน ทำให้การรับรู้เสียงลดลง หรือสูญเสียไปเลย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งแบบเฉียบพลันทันทีทันใด หรือเรื้อรังแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยผู้สูงอายุ แต่ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในปัจจุบัน ทำให้วัยรุ่นมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น หากสงสัยว่าตนเอง ผู้สูงอายุ หรือบุตรหลานมีอาการหูเสื่อม ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
สารบัญ
ประเภทของเส้นประสาทหูเสื่อม
- ประสาทหูเสื่อมแบบเฉียบพลัน เป็นการเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากการติดเชื้อ ไวรัส การอุดตันของหลอดเลือด หรือปัจจัยอื่น ๆ ทำให้มีอาการได้ยินเสียงลดลงอย่างรวดเร็วข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง อาจมีอาการหูอื้อ เสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะร่วมด้วย
- ประสาทหูเสื่อมแบบเรื้อรังค่อยเป็นค่อยไป มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาทหูตามอายุ การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือการใช้ยาบางชนิด ทำให้ได้ยินเสียงลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเสียงสูง อาจมีอาการหูอื้อ เสียงดังในหู
สาเหตุของเส้นประสาทหูเสื่อม
- การเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาทหูตามวัย
- การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน เช่น เสียงดนตรีที่ดังเกินไป เสียงเครื่องจักรในที่ทำงาน จะทำให้เซลล์ประสาทหูได้รับความเสียหาย
- การติดเชื้อ เช่น หัดเยอรมัน หรือการติดเชื้อในหูชั้นใน
- การใช้ยาบางชนิด ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาเคมีบำบัด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการหูเสื่อม
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- บางคนอาจมีกรรมพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคประสาทหูเสื่อมได้ง่ายขึ้น
- อุบัติเหตุบาดเจ็บที่ศีรษะที่ส่งผลกระทบต่อหูชั้นใน
อาการของโรคประสาทหูเสื่อม
- ได้ยินเสียงลดลงอาจได้ยินเสียงเบาลง หรือไม่ชัดเจน
- หูอื้อ รู้สึกเหมือนมีเสียงดังก้องอยู่ในหู
- เสียงดังในหู อาจได้ยินเสียงรบกวนต่างๆ เช่น เสียงวี๊ด เสียงหึ่ง
- ความยากลำบากในการแยกแยะเสียง อาจมีปัญหาในการฟังเสียงพูดในที่ที่มีเสียงรบกวน
การตรวจประสาทหูเสื่อม
มีหลายวิธีในการตรวจประสาทหู แต่โดยทั่วไปจะประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การตรวจประวัติ แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการที่คุณเป็น เช่น ได้ยินเสียงเบาลง หูอื้อ หรือมีเสียงดังในหู นอกจากนี้ แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการสูญเสียการได้ยิน
- การตรวจหูภายนอก แพทย์จะตรวจดูช่องหูและเยื่อแก้วหู เพื่อหาความผิดปกติ เช่น ขี้หูอุดตัน เยื่อแก้วหูทะลุ หรือการอักเสบ
- การตรวจการได้ยิน เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุด โดยใช้เครื่องมือวัดการได้ยิน (Audiometer) เพื่อวัดความสามารถในการได้ยินเสียงในความถี่ต่างๆ
- การตรวจอื่นๆ อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจสมอง การตรวจเลือด หรือการตรวจเอกซเรย์ เพื่อหาสาเหตุของการสูญเสียการได้ยิน
การรักษาโรคประสาทหูเสื่อม
การรักษาโรคประสาทหูเสื่อมขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ แต่โดยทั่วไปแล้ว การรักษาจะเน้นไปที่การชะลอความเสื่อมของประสาทหู และการปรับตัวให้เข้ากับภาวะการได้ยินที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น
- เครื่องช่วยฟัง ช่วยขยายเสียงให้ดังขึ้น ทำให้ได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น
- การปลูกถ่ายหูเทียม สำหรับผู้ที่มีการสูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง
- การทำกายภาพบำบัดหู ช่วยฝึกการรับรู้เสียงและการใช้เสียง
- การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การลดเสียงดัง การดูแลสุขภาพโดยรวม เป็นต้น
การป้องกันโรคประสาทหูเสื่อม
- หลีกเลี่ยงเสียงดัง ควรลดระดับเสียงของเครื่องเล่นเพลง หรือใช้หูฟังชนิดที่ลดเสียงรบกวน
- พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- ตรวจสุขภาพหูเป็นประจำ การตรวจสุขภาพหูเป็นประจำจะช่วยให้พบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและสามารถรักษาได้ทันท่วงที
การที่โรคประสาทหูเสื่อมจะหายขาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การตรวจประสาทหูเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน หากคุณมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการได้ยิน เช่น ได้ยินเสียงเบาลง หูอื้อ หรือมีเสียงดังในหู ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์โสต ศอ นาสิก