การฝึกหายใจก่อนการผ่าตัดช่วยลดภาวะแทรกซ้อน
ศูนย์ : ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
บทความโดย : พญ. พรพรรณ พานเพียรศิลป์
ภาวะแทรกซ้อนหลังจากผ่าตัดจะทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาที่ยาวนานขึ้น และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนทางระบบทางเดินหายใจ ถือว่าเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต จึงควรได้รับการฝึกหายใจก่อนการผ่าตัด เพราะหากผู้ป่วยหายใจเข้าแล้วปวดบริเวณแผลผ่าตัด ทำให้หายใจรับออกซิเจนได้ไม่เต็มที่ อาจส่งผลเสียตามมา หรือ เกิดภาวะปอดติดเชื้อได้ ฉะนั้น การฝึกหายใจก่อนการผ่าตัด เพื่อเพิ่มศักยภาพปอด ฝึกไอหรือการกระแอมอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด และบรรเทาอาการเจ็บปวดที่เกิดหลังผ่าตัดได้
สารบัญ
ใครที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทางระบบหายใจ
- ผู้ที่มีการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลานาน การผ่าตัดบริเวณช่องท้อง การผ่าตัดในช่องอก
- ผู้ที่มีการวางยาสลบ เช่น ระยะเวลาในการใช้เครื่องช่วยหายใจนาน การวางยา สลบแบบทั่วร่าง การใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นต้น
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวโดยเฉพาะโรคทางปอด และหัวใจ อายุมาก สูบบุหรี่ เป็นต้น
ประโยชน์ของการฝึกหายใจก่อนการผ่าตัด
- ช่วยลดภาวะการแทรกซ้อนทางปอดหลังผ่าตัด
- เพิ่มการระบายอากาศและการแลกเปลี่ยนก๊าซภายในปอด ช่วยป้องกันภาวะปอดแฟบ
- เพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อในการหายใจ
- ทำให้ใช้พลังงานในการหายใจน้อยลง
- ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย
- ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
- ลดระยะเวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาล
- การฝึกไอที่ถูกวิธีช่วยขับเสมหะ ไม่ให้อุดตันทางเดินหายใจ ลดโอกาสการติดเชื้อ
วิธีการฝึกหายใจก่อนการผ่าตัด
การฝึกหายใจก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับการฝึกวิธีหายใจเข้าลึกเต็มที่ เช่น
- การหายใจโดยใช้กระบังลม โดยให้อยู่ในท่าที่สบาย วางบริเวณเหนือสะดือเล็กน้อย ส่วนมืออีกข้างวางหน้าอกของตัวเอง ออกแรงกดเล็กน้อย จากนั้นทำการหายใจเข้าทางจมูกช้า ๆ ลึก ๆ ให้ท้องป่อง หายใจออกทางปากช้า ๆ ท้องยุบ โดยสังเกตว่ามือที่วางอยู่บนหน้าท้องขยับขึ้น และลง ตามการหายใจ ในขณะที่ทรวงอกไม่ขยับ สังเกตว่ามือที่วางบนทรวงอกจะนิ่ง ทำชุดละ 5-10 ครั้ง
- การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อช่วงอกส่วนหน้า โดยให้ผู้ป่วยนอนราบและวางมือบนบริเวณกระดูกอกแล้วกดน้ำหนักลง จากนั้นหายใจเข้าช้า ๆ โดยให้ทรวงอกยกมือที่กดอยู่ขึ้น เมื่อใช้กล้ามเนื้อเต็มที่ทรวงอกจะยกมือขึ้นสูงเต็มที่ ให้กลั้นไว้ 3 วินาที จากนั้นให้ผ่อนลมหายใจทางการห่อปาก ไม่เบ่ง และไม่หายใจออกจนสุดปอด เช่นเดิม
- การหายใจโดยใช้กระบังลมและช่วงอกส่วนหน้า โดยหายใจเข้า ทั้งท้องและหน้าอกจะขยายขึ้นพร้อมๆ กัน ละเมื่อผ่อนลมหายใจออก ก็จะยบลงมา สู่ระดับเดิม
การฝึกไอหรือการกระแอม
- หายใจเช้าโดยสูดลมเข้าทางจมูกจนสุด หายใจให้บริเวณหน้าท้องขยับโตขึ้น ไม่กลั้นหายใจ จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ
- หายใจลึกไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2-3 ครั้ง
- เมื่อหายใจลึกครั้งสุดท้าย ให้ค้างไว้ประมาณ 2-3 วินาที จากนั้นทำการหายใจออกโดยเบ่ง ไอขับเสมหะออกมา
ทั้งนี้การฝึกหายใจก่อนการผ่าตัด เป็นสิ่งสำคัญมากเนื่องจากสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดได้ ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับการฝึกและการดูแลจากแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักกายภาพบำบัด ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลจากแพทย์ออนไลน์ได้เลย
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู