โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไป ในบริเวณทวารหนักเกิดการปูดพองเป็นหัว แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือด ขณะเบ่งถ่ายอุจจาระทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ โดยโรคนี้พบได้บ่อยและเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ เช่น ขับถ่ายไม่เป็นเวลา รวมถึงการรับประทานอาหารไม่ครบหลักโภชนาการที่ดี ขาดไฟเบอร์จนก่อให้เกิดอาการท้องผูก แม้โรคริดสีดวงทวารจะไม่ใช่โรคร้ายแรง ที่ส่งผลต่อชีวิตเราแต่ก็สร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
สารบัญ
สาเหตุหลักของโรคริดสีดวงทวาร
- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง
- ท้องเสียบ่อย
- พฤติกรรมชอบเบ่งอุจจาระอย่างแรง
- ใช้ยาสวนอุจจาระหรือยาระบายบ่อยเกินความจำเป็น
- มีภาวะโรคตับแข็ง ซึ่งมีผลทำให้เลือดดำอุดตัน จนบริเวณเส้นเลือดดำบริเวณทวารโป่งพอง
- บุคคลในครอบครัวมีประวัติ เคยเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก
อาการสำคัญของริดสีดวงทวาร
อาการสำคัญของริดสีดวงทวาร คือ ถ่ายอุจจาระออกมาเป็นเลือดสดๆ เนื่องจากการเบ่งถ่ายแรงๆ หัวริดสีดวงทวาร จะปริแตกออก อาจสังเกตได้ว่ามีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือ เลือดไหลเป็นหยด โดยไม่รู้สึกเจ็บ
การรักษาริดสีดวงทวาร
เมื่อได้รับการวินิจแล้วว่าเป็นโรคริดสีดวงทวาร ผู้ป่วยสามารถรักษาได้ด้วยตนเอง โดย
- วิธีแรก คือ การนั่งแช่ในน้ำอุ่น 15-30 นาที ควรนั่งหลังขับถ่ายอุจจาระ
- วิธีที่สอง คือ การรักษาด้วยการใช้ยาเหน็บริดสีดวงเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ การใช้ยาเหน็บริดสีดวงเพื่อบรรเทาอาการเจ็บแล้วไม่ดีขึ้น อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สำหรับริดสีดวงทวารเพื่อให้แพทย์ทำการพิจารณา ว่าสามารถรักษาด้วยยาหรือรัดยางเพื่อให้ริดสีดวงฝ่อได้หรือไม่
- วิธีที่สาม คือ การผ่าตัดโดยจะผ่าเอาก้อนเนื้อออกไปแล้วเย็บปิดปากแผล ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ขึ้นไป นอนรพ. ประมาณ 1-2 วัน และพักที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ งดออกกำลังกาย
อาหารที่คนเป็นริดสีดวงทวารควรรับประทาน
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพราะนอกจากน้ำจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่ายกายแล้ว น้ำยังมีส่วนช่วยให้อุจจาระนุ่ม เวลาขับถ่ายก็จะง่าย ไม่ต้องเบ่งให้เจ็บริดสีดวงทวาร
- รับประทานผักและผลไม้ อย่าให้ขาด ไฟเบอร์เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศในการขับถ่าย โดยมีส่วนช่วยทำให้อุจจาระไม่แข็งตัว การขับถ่ายมีความคล่องตัวมากขึ้น ดังนั้นคนที่เป็นริดสีดวงทวารควรกินผัก ผลไม้ ให้มากขึ้นเพื่อเติมไฟเบอร์ให้ระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้การขับถ่ายเป็นเรื่องง่ายขึ้น
- โยเกิร์ต โยเกิร์ตเปี่ยมไปด้วยแบคทีเรียชนิดดีต่อลำไส้ โดยเฉพาะโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) หรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ไบฟิดัส (Bifidus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่มีหน้าที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของระบบขับถ่ายนอกจากนี้โยเกิร์ตที่ทำมา จากนมยังมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้เราปวดถ่ายง่ายขึ้น
- ถั่ว พืชตระกูลถั่วเกือบทุกชนิดมีทั้งโปรตีน และไฟเบอร์ในปริมาณที่สูงพอสมควร โดยถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ในปริมาณครึ่งถ้วยตวงก็ให้ไฟเบอร์มากถึง 1 ใน 3 ของปริมาณไฟเบอร์ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน
- มะละกอ มะละกอเป็นผลไม้ขึ้นชื่อในด้านผลไม้แก้ท้องผูกอยู่แล้ว เพราะนอกจากมะละกอจะมีไฟเบอร์สูง ในมะละกอยังมีเอนไซม์ Papain ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีนในระบบทางเดินอาหาร
- ลูกพรุน ลูกพรุนเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยระบายอยู่ในตัว โดยนอกจากจะมีส่วนช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้นแล้ว ลูกพรุนก็มีคุณสมบัติช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายอุจจาระออกมาได้ง่ายขึ้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้การขับถ่ายคล่องตัวมากขึ้นด้วย
โรคริดสีดวงทวารเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีก หากยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท้องผูก ท้องเสียเรื้อรัง การนั่งแช่ในห้องน้ำนานๆ การตั้งครรภ์ โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน ดั้งนั้นหลังจากการรักษาแล้ว ต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วยจึงจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์ศัลยกรรม