สัญญาณเตือนโรคลมชักในเด็ก ส่งผลต่อพัฒนาการ

ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพเด็ก

บทความโดย : พญ. วราลี ผดุงพรรค

สัญญาณเตือนโรคลมชักในเด็ก ส่งผลต่อพัฒนาการ

หากพบว่าเด็กมีอาการกระตุก เกร็ง เหม่อลอย เบลอ หรือนิ่งไประหว่างคุย เรียกแล้วยังไม่รู้สึกตัว ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นโรคลมชัก ควรพาเด็กมาพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว โอกาสที่จะหายเป็นปกติก็มีมากขึ้น หากปล่อยไว้นานส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเด็กลดลง พัฒนาการล่าช้า ถดถอย ทั้งด้านการเรียนและการเข้าสังคม


รู้จักโรคลมชัก

โรคลมชักเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงเด็กโต เป็นอาการชักที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของสมอง หากถูกกระตุ้นมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการชักได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแหล่งของประจุไฟฟ้าว่าออกมาจากส่วนใดของร่างกาย เช่น สมองส่วนที่ควบคุมแขนขาถูกกระตุ้นก็จะเกิดอาการเกร็งกระตุกขึ้นมาที่แขนขา ถ้าเกิดในส่วนของสมองที่ควบคุมเรื่องการรับรู้จะมีอาการเบลอ เหม่อลอย ทำให้อาการของโรคลมชักมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน


สาเหตุของโรคลมชักในเด็ก

โรคลมชักในเด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุและมีความแตกต่างในแต่ละกลุ่มอายุ เช่น พันธุกรรม สมองได้รับบาดเจ็บจากการขาดออกซิเจน จากอุบัติเหตุกระทบกระเทือนศีรษะ เลือดออกในสมอง การติดเชื้อที่ระบบประสาท หรือ โครงสร้างเซลล์สมองที่ผิดปกติ เป็นต้น โรคลมชักยังเกิดได้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดาหรือมีการคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากเซลล์สมองยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ เมื่อถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอกจะมีผลกระทบต่อสมองได้ พบได้ตั้งแต่วัยทารก เด็กเล็ก หรือ โรคลมชัดชนิดพบมากในวัยรุ่ย


อาการของโรคลมชักในเด็ก

อาการของโรคลมชักในเด็กมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าในสมองผิดปกติที่ส่วนใดของสมองและรุนแรงมากน้อยแค่ไหน บางอาการสังเกตได้ยากทำให้พ่อแม่ไม่ทราบว่าเด็กมีอาการชักอยู่ ดังนั้นพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของเด็กต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเด็ก หากมีความผิดปกติ หรือมีพฤติกรรมแปลกๆ ซ้ำๆ โดยอาการชักในเด็กที่พบได้บ่อย ดังนี้

  • อาการชักแบบเหม่อลอย มักเกิดกับเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-10 ปี โดยเด็กจะมีอาการเหม่อลอยหรือนิ่งไประหว่างคุย เรียกแล้วยังไม่รู้สึกตัว ไม่มีอาการทางกล้ามเนื้อหรือมีแต่น้อยมาก เช่น กระพริบตาถี่ๆ เมื่อเป็นบ่อยๆ ทำให้มีปัญหาการเรียนตกต่ำได้ตามมา
  • อาการชักทั้งตัว โดยเวลาชักจะมีอาการเกร็งกระตุกแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง หรืออาจเป็นทั้งตัว อาจมีตาลอย ตากระตุก เรียกไม่รู้ตัว และจำไม่ได้ว่าตัวเองชัก

อันตรายจากการชัก

โรคลมชักในเด็ก หากเกิดอาการชักขึ้นบ่อยครั้งย่อมมีผลกระทบต่อสมอง และอาการชักอาจรุนแรงขึ้นจนควบคุมไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการเคลื่อนไหว การรับรู้ ความจำ พฤติกรรมและอารมณ์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว สมองก็จะได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับอาการชักที่เป็นอันตราย ส่วนใหญ่จะมีอาการนานเกิน 30 นาที หรือมีการสำลักขณะที่ชัก ซึ่งจะทำให้เด็กหยุดหายใจ และสมองขาดออกซิเจนได้



ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การตรวจวินิจฉัยโรคลมชักในเด็ก

แพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าเป็นโรคลมชักที่มาจากสาเหตุใด เพื่อทำการรักษาได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นจะมีการซักประวัติอย่างละเอียด การตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อตรวจหาตำแหน่งความผิดปกติในสมองที่เป็นจุดกำเนิดชัก อาทิ

  1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalography, EEG) โดยจะติดสายไฟฟ้าในตำแหน่งต่างๆ บนศีรษะ เพื่อตรวจหาจุดที่ปล่อยไฟฟ้าผิดปกติในสมอง ช่วยวินิจฉัยโรคลมชัก และทำให้สามารถบอกตำแหน่งของสมองที่เกิดการชักและชนิดของการชักได้
  2. การตรวจเอกซเรย์ MRI Brain จะทำในบางรายที่มีอาการสงสัย ชัก ช่วยให้แพทย์เห็นภาพความผิดปกติของสมองที่เป็นสาเหตุของโรคลมชักได้ เช่น เนื้องอกในสมอง เลือดออกในสมอง เป็นต้น

แนวทางการรักษาโรคลมชักในเด็ก

การรักษาแพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าเป็นโรคลมชักที่มาจากสาเหตุใด เพื่อทำการรักษาได้ถูกต้อง โดยปัจจุบันมีแนวทางการรักษาโรคลมชักในเด็ก สามารถแบ่งออกเป็น 2 หลักใหญ่ คือ

  1. การใช้ยากันชัก เพื่อช่วยกดสมองส่วนที่มีการปล่อยคลื่นลมชักออกมา ทำให้ไม่ชัก โดยปัจจุบันมียากันชักหลากหลายชนิด ซึ่งการเลือกใช้ยากันชัก แพทย์ก็จะเลือกตามความเหมาะสมของชนิดการชัก และผลข้างเคียงของยา เป็นต้น
  2. การควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) ใช้กับเด็กที่ควบคุมอาการชักได้ยากและเมื่อการใช้ยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร
  3. วิธีการผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาแล้วไม่ได้ผล

การป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้น

โรคลมชักที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือหาสาเหตุไม่ได้อาจป้องกันไม่ได้ แต่คนทั่วไปสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการชักได้โดยป้องกันไม่ให้ศีรษะมีการกระทบกระเทือนรุนแรง ผู้ปกครองควรดูแลให้เด็กหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย หรืออุบัติเหตุ ส่วนรายที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคลมชัก ควรลดปัจจัยที่กระตุ้นทำให้ชักมากขึ้น เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การมีไข้ การขาดอาหาร ความเครียด เป็นต้น ทั้งนี้ควรดูแลเด็กให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

นอกจากนี้หากเด็กมีอาการชักเกร็งกระตุกไม่รู้สึกตัว มีวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้

  1. ผู้ปกครองต้องตั้งสติให้ดี
  2. จัดท่าเด็กให้นอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก และถ้าเห็นเศษอาหารให้กวาดออกมาจากปากให้หมด
  3. ห้ามเอาอุปกรณ์ใดๆ รวมทั้งมือเข้าไปง้างปากเด็กเพื่อป้องกันการกัดลิ้น เพราะฟันอาจหักหรือสิ่งของอาจตกเข้าไปในคอจนเป็นอันตรายและทำให้เด็กหายใจไม่ออกได้
  4. โดยทั่วไปอาการชักมักจะหยุดได้ภายใน 2-3 นาที ยกเว้นบางรายที่รุนแรงมากเกิน 5 นาที หรือมีการชักซ้ำเกินกว่า 1 ครั้งภายในวันเดียวกัน หลังจากหยุดชักแล้วให้รีบพาไปส่งโรงพยาบาลโดยทันที
หากเด็กมีอาการที่ไม่แน่ใจว่าชัก หรือผู้ปกครองคิดว่าชัก ควรรีบพามาปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด


พญ.วราลี ผดุงพรรค
แพทย์กุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน
ศูนย์สุขภาพเด็ก






ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพเด็ก

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย