วัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV) ป้องกันไวรัส HPV ได้ตั้งแต่ 9 ขวบ
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพเด็ก, ศูนย์สุขภาพสตรี
บทความโดย : พญ. ธิดารัตน์ แก้วเงิน

ท่ามกลางเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) กว่า 100 สายพันธุ์ มีราว 40 สายพันธุ์ที่ส่งผลต่ออวัยวะเพศ เป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นโรคมะเร็งอันดับต้น ๆ ที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยและทั่วโลก ตามข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก รวมถึงการสัมผัสผ่านทางบาดแผลตามร่างกาย และจากแม่สู่ลูกในขณะคลอดได้
ดังนั้น การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV) ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป หรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จะยิ่งเพิ่มโอกาสป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง รวมถึงป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนักในผู้ชายได้มากขึ้น
สารบัญ
- ทำไมต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV)
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีแบบไหนบ้าง?
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดกี่เข็ม
- ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกกับโรงพยาบาลนครธน
- ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV) ตอนไหนดีสุด?
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูกควรฉีดบริเวณไหน?
- ผู้ชายก็ควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV)
- ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก
- ป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยการมาตรวจคัดกรองอยู่เสมอ
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ยิ่งฉีดเร็ว ยิ่งได้ผลดี
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทำไมต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV)


สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมด (ประมาณ 99%) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา (Human Papillomavirus - HPV) ชนิดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูง ซึ่งส่วนใหญ่มักแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางเพศ แม้ว่าร่างกายของเราจะสามารถกำจัดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่ได้เอง แต่บางครั้งเชื้อก็อาจคงอยู่ในร่างกายและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกที่ผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ก็อาจกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ในที่สุด
การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV) จึงเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อ HPV ชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งก่อนที่ร่างกายจะได้รับเชื้อจริง ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ วัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV) ยังช่วยป้องกันหูดที่อวัยวะเพศ และมะเร็งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ HPV ได้ เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งองคชาต มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากและลำคอ เป็นต้น
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีแบบไหนบ้าง?
การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก เป็นการป้องกันแบบปฐมภูมิต่อการติดเชื้อ และรอยโรคที่เกิดจากเอชพีวีบางสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็ง แต่ไม่สามารถทดแทนการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ จึงแนะนำให้ทำควบคู่กับการตรวจคัดกรองด้วยการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี โดยปัจจุบันวัคซีนมะเร็งปากมดลูกที่ใช้กันแพร่หลายมี 3 ชนิดหลัก ๆ คือ
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูกชนิด 2 สายพันธุ์ (Bivalent HPV Vaccine) : ป้องกันเชื้อ HPV ชนิด 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70%
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูกชนิด 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent HPV Vaccine) : ป้องกันเชื้อ HPV ชนิด 16, 18 และเชื้อ HPV ชนิด 6, 11 ซึ่งเป็นสาเหตุของหูดที่อวัยวะเพศประมาณ 90%
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูกชนิด 9 สายพันธุ์ (Non-Avalent HPV Vaccine ) : เป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่ป้องกันเชื้อ HPV ได้ถึง 9 สายพันธุ์ ได้แก่ ชนิด 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ซึ่งครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้สูงถึงประมาณ 90% และป้องกันหูดที่อวัยวะเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดกี่เข็ม
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ (Intramuscular Injection) โดยทั่วไปจะฉีดที่บริเวณต้นแขน เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนทั่วไป โดยจำนวนเข็มและช่วงเวลาในการฉีดวัคซีน HPV จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้รับวัคซีน ได้แก่
- อายุ 9-14 ปี โดยทั่วไปจะฉีด 2 เข็ม ฉีดเข็มแรก วันที่ 0 เข็มที่สอง ภายใน 6-12 เดือนหลังเข็มแรก ซึ่งการฉีด 2 เข็มในกลุ่มอายุนี้จะให้ผลการป้องกันที่ดีเทียบเท่ากับการฉีด 3 เข็มในผู้ใหญ่ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กและวัยรุ่นยังตอบสนองต่อวัคซีนได้ดี
- อายุ 15 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปจะฉีด 3 เข็ม ฉีดเข็มแรก วันที่ 0 เข็มที่สอง 1-2 เดือนหลังเข็มแรก (ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน) และเข็มสาม 6 เดือนหลังเข็มแรก

ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกกับโรงพยาบาลนครธน


โรงพยาบาลนครธนพร้อมให้บริการฉีดวัคซีน HPV หรือวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ราคาแบ่งออกเป็นแพ็กเกจ ได้แก่ แพ็กเกจวัคซีนแบบ 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์ เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการและงบประมาณ นอกจากนี้ ยังมีแพ็กเกจสำหรับช่วงอายุที่แตกต่างกันอีกด้วย
ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV) ตอนไหนดีสุด?
การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV) ที่ดีที่สุดคือการฉีดก่อนที่จะมีการสัมผัสกับเชื้อ HPV หรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก นอกจากนี้ การฉีดวัคซีน HPV ในช่วงอายุหรือเวลาที่เหมาะสมยังมีดังนี้
- วัยที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน ในช่วงนี้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูง
- ฉีดในวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี จากงานวิจัยพบว่า ร่างกายของเด็กผู้หญิงสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสนี้ได้ดีในช่วง 9-15 ปี ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 ครั้ง แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 ครั้ง
- ผู้หญิงอายุ 9-26 ปี ควรฉีดวัคซีน HPV โดยเน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-12 ปี
- เด็กผู้ชายอายุ 9-26 ปี สามารถฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก เน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-12 ปี
การฉีดวัคซีนให้ครบจำนวนเข็มและตามตารางเวลาที่กำหนดจะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกควรฉีดบริเวณไหน?
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือ วัคซีน HPV จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน เหมือนกับการฉีดวัคซีนอื่น ๆ ทั่วไป เพราะบริเวณนี้มีกล้ามเนื้อใหญ่พอที่จะรองรับตัวยา และช่วยให้ร่างกายดูดซึมวัคซีนได้ดี
หลังจากฉีดแล้ว อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด เช่น ปวด บวม แดง ปวดศีรษะ มีไข้ คลื่นไส้ ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ผู้ชายก็ควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน HPV)


การติดเชื้อ HPV ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิง แต่มีผลต่อผู้ชายเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ จะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงหรือชาย ก็มีโอกาสติดได้ไม่ต่างกัน ก่อให้เกิดมะเร็งทวารหนัก มะเร้งองคชาต รวมถึงหูดหงอนไก่ นอกจากป้องกันโรคร้าย ยังช่วยป้องกันกรณีการเป้นพาหะแพร่เชื้อ HPV สู่ผู้รับได้ด้วย
ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก
- ไม่ควรฉีดวัคซีนเอชพีวีในผู้หญิงตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์ ทั้งนี้หากได้รับวัคซีนเข็มแรกก่อนการตั้งครรภ์ สามารถมารับวัคซีนเข็มที่สองได้ตามปกติหลังจากคลอดบุตรเรียบร้อยแล้ว
- ผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนเอชพีวีได้ คือ ผู้ที่มีภาวะแพ้ต่อสารประกอบในวัคซีน เช่น ยีสต์ และสารเสริมฤทธิ์ชนิดต่าง ๆ
- คนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น กำลังให้เคมีบำบัด เพราะจะทำให้การกระตุ้นภูมิไม่ได้ผล
- ผู้ที่มีอาการป่วย ติดเชื้อ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหายดี
ป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยการมาตรวจคัดกรองอยู่เสมอ
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกได้ เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส HPV ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าที่เซลล์จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็ง การตรวจคัดกรองจึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
การตรวจคัดกรองสามารถทำได้ด้วยวิธี Pathtezt ร่วมกับหาเชื้อเอชพีวี (HPV DNA Test) ถือเป็นการตรวจที่มีความแม่นยำ ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูกมากยิ่งขึ้น เพราะมีความรวดเร็วในการตรวจหามะเร็งปากมดลูกเกือบ 100% ผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่ออายุ 30 ปี ทุก ๆ 1-3 ปี เป็นอย่างน้อย และสามารถเริ่มตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับผลการตรวจและคำแนะนำของแพทย์
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ยิ่งฉีดเร็ว ยิ่งได้ผลดี
การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อ HPV ทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรงที่สามารถป้องกันได้
ที่โรงพยาบาลนครธน พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางศูนย์สุขภาพสตรี และเด็กคอยให้คำปรึกษาและเลือกชนิดวัคซีนที่เหมาะสมกับคุณ ทั้งยังบริการด้วยความรวดเร็วและเป็นระบบ ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลารอนาน นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังมีแพ็กเกจวัคซีนที่หลากหลายและคุ้มค่า ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ แบบ 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์ เพื่อให้การป้องกันมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อ HPV เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพเด็ก, ศูนย์สุขภาพสตรี