IUI รักษาภาวะผู้มีบุตรยาก เพิ่มโอกาสมีลูกง่ายขึ้น
ศูนย์ : ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้
เมื่อพูดถึงขั้นตอนการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากที่ไม่ซับซ้อน ได้รับความนิยมมากและราคาไม่สูงนัก ต้องยกให้วิธีการทำ IUI ซึ่งเป็นการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จประมาณ 10 -20% ต่อรอบ เนื่องจากปกติผู้หญิงมีรอบเดือนทุก 28 วัน จะมีการตกไข่ประมาณวันที่ 14 ก่อนที่จะมีประจำเดือนครั้งต่อไป เมื่อไข่ตกแล้ว ไข่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมง ส่วนเชื้ออสุจิเมื่อหลั่งออกมาจะมีชีวิตรอผสมไข่อยู่ได้ประมาณ 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน คู่สมรสที่กำลังประสบภาวะมีบุตรยากถึงกับหูผึ่งขึ้นมาทันที ดังนั้น ไปทำความรู้จักกับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากด้วย IUI ให้มากขึ้นกันเลย
สารบัญ
- การทำ IUI คืออะไร
- การทำ IUI ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์ปกติอย่างไร
- การปฏิบัติตัวก่อนรักษา
- การเตรียมตัวก่อนทำ IUI ของฝ่ายหญิง
- การเตรียมอสุจิก่อนทำ IUI ของฝ่ายชาย
- ขั้นตอนการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก
- การปฏิบัติตัวหลังทำ IUI
- คู่ไหนที่เหมาะจะรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธีการทำ IUI ?
- โอกาสสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
- สามารถทำ IUI ได้กี่ครั้ง
- ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การทำ IUI คืออะไร
การทำ IUI เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากวิธีหนึ่ง โดยมีวิธีการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกในช่วงที่ผู้หญิงไข่ตก วิธีนี้จะมีการเตรียมน้ำอสุจิ โดยคัดเอาเฉพาะตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนที่ได้ดี แล้วนำไปฉีดในโพรงมดลูก ได้รับความนิยมมากในรายที่มีปัญหาไม่รุนแรง หากมีความเข้มข้นของอสุจิต่ำ อัตราการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติก็จะมีแนวโน้มที่จะลดลงด้วย เพราะเหตุนี้จึงต้องมีการเตรียมเชื้ออสุจิ โดยผ่านขั้นตอนการล้างเอาเชื้อแบคทีเรียและสารคัดหลั่งต่างๆ ออก ให้เหลือเฉพาะเชื้ออสุจิที่แข็งแรงดี และมีความเข้มข้นสูง เพื่อนำไปฉีดเข้าในโพรงมดลูก ทำให้เพิ่มโอกาสให้อสุจิได้พบกับไข่และเกิดการปฏิสนธิมากขึ้น
การทำ IUI ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์ปกติอย่างไร
เนื่องจากการหลั่งน้ำเชื้อระหว่างการมีเพศสัมพันธ์กันตามธรรมชาตินั้น ตัวอสุจิที่ถูกหลั่งออกมาจะอยู่ในช่องคลอด ไม่สามารถว่ายผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูกได้ทั้งหมด เพราะปากมดลูกมีขนาดเล็ก มีมูกที่ปากมดลูกและกรดในช่องคลอดเป็นอุปสรรค ทำให้เหลือตัวอสุจิที่รอดตายและว่ายผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้น้อยมาก แต่การทำ IUI เป็นการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ทำให้มีจำนวนตัวอสุจิที่มีคุณภาพดีว่ายไปหาไข่ได้มากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ตามปกติ
การปฏิบัติตัวก่อนรักษา
ในขั้นตอนแรกคู่สามีภรรยาที่เข้ารับการรักษานั้นจะต้องเป็นสามีภรรยาโดยชอบตามกฎหมาย (มีทะเบียนสมรส) และได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือดโดยแพทย์ว่าเหมาะสมและพร้อมสำหรับการทำ IUI โดยมีหลักเกณฑ์คร่าวๆ ดังนี้
- ฝ่ายหญิง ควรมีอายุไม่เกิน 35-40 ปี มีมดลูกและท่อนำไข่ปกติ
- ฝ่ายชาย จะต้องมีน้ำเชื้ออสุจิอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น มีจำนวนมากกว่า 10 ล้านตัวขึ้นไป สามารถเคลื่อนไหวได้ดี และมีอัตราตัวที่มีชีวิตในเกณฑ์ปกติ
การเตรียมตัวก่อนทำ IUI ของฝ่ายหญิง
การทำ IUI แพทย์จะทำการกระตุ้นรังไข่ ให้มีการเจริญเติบโตของฟองไข่หลายใบในรอบเดือนนั้นๆ โดยใช้ยาฉีดหรือยารับประทาน หลังจากนั้นจะมีการนัดตรวจอัลตราซาวด์เพื่อติดตามดูขนาด จำนวนของฟองไข่ และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเมื่อฟองไข่มีขนาดพอเหมาะ แพทย์จะฉีดยากระตุ้นให้มีการตกไข่ หลังจากนั้นประมาณ 36-40 ชั่วโมงมีการตกไข่ แพทย์จะนัดมาเพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก โดยรวมจะนัดมาพบแพทย์เพียง 3 ครั้งต่อการทำในรอบเท่านั้น หากพบความผิดปกติแพทย์อาจแก้ไขให้ดีขึ้น ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จสูงขึ้นได้
การเตรียมอสุจิก่อนทำ IUI ของฝ่ายชาย
ฝ่ายชายควรนอนหลับให้เพียงพอ ไม่เครียด งดบุหรี่และสุรา พยายามรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และวิตามินเสริมควบคู่กัน ต้องงดเพศสัมพันธ์ 2-7 วัน ก่อนพบแพทย์เพื่อเก็บน้ำอสุจิ และต้องมาพบแพทย์ในวันที่นัดทำ IUI เพื่อเก็บเชื้ออสุจิ จากนั้นแพทย์และทีมงานจะนำอสุจิที่ได้มาคัดกรอง เลือกเฉพาะตัวอสุจิที่มีชีวิตและแข็งแรง เพื่อนำมาฉีดกลับเข้าไปในโพรงมดลูก ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเตรียมประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ขั้นตอนการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก
เมื่อเตรียมอสุจิแล้ว ก็จะเข้าสู่การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (Intrauterine Insemination) โดยใช้ท่อเล็กๆ สอดเข้าไปทางปากมดลูกของฝ่ายหญิง ใช้เวลาเพียงแค่ 5-10 นาที ไม่มีความเจ็บปวด หลังจากเสร็จกระบวนการให้ฝ่ายหญิงนอนพักบนเตียงประมาณ 30 นาที จากนั้นสามารถกลับบ้านได้เลย และจะนัดเข้ามาทดสอบการตั้งครรภ์หลังการฉีดเชื้ออีกใน 2 สัปดาห์
การปฏิบัติตัวหลังทำ IUI
หลังทำ IUI ฝ่ายหญิงสามารถทำกิจกรรมและดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังการฉีดเชื้อ จะตรวจสอบการตั้งครรภ์
คู่ไหนที่เหมาะจะรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธีการทำ IUI ?
ฝ่ายชาย
- ต้องมีเชื้ออสุจิปกติ เช่น ต้องมีปริมาณตัวอสุจิมากพอ ว่ายดี และรูปร่างปกติ
- สามารถเก็บน้ำเชื้อด้วยตัวเองได้
ฝ่ายหญิง
- ต้องมีท่อนำไข่ปกติ อย่างน้อยต้องมี 1 ข้างที่ปกติ เพราะถ้าเหลือท่อข้างเดียวโอกาสสำเร็จจะช้ากว่า เพราะบางรอบเดือนไข่อาจตกในข้างที่ท่อนำไข่ตัน ทำให้ท่อนำไข่ไม่สามารถทำไข่ได้
- อายุต้องไม่มากจนเกินไป เช่น มากกว่า 40 ปี
- ต้องไม่มีปัญหาปากมดลูกผิดปกติรุนแรง เพราะจะฉีดไม่เข้า ฉีดได้ยาก เจ็บมากขณะฉีด ทำให้โอกาสสำเร็จน้อยลง
- ต้องมีโพรงมดลูกและความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกปกติเพื่อที่ให้ตัวอ่อนฝังตัว
โอกาสสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
การฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกนี้ ถือเป็นวิธีที่นิยมแพร่หลายมากที่สุดในบรรดาหลายๆ วิธี เพราะเป็นวิธีการรักษาที่ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แต่โอกาสสำเร็จประมาณ 10 -20% ต่อรอบ ซึ่งโดยปกติ วิธีนี้มักจะประสบผลสำเร็จภายใน 4-6 รอบเดือนของการรักษา แต่ถ้ายังไม่สำเร็จควรจะประเมินหาสาเหตุซ้ำ หรือพิจารณาวิธีการรักษาแบบอื่นต่อไป
สามารถทำ IUI ได้กี่ครั้ง
การทำ IUI ติดต่อกันหลายรอบสามารถช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ มักจะสำเร็จใน 3-4 ครั้ง แต่โดยทั่วไป เมื่อทำถึงรอบที่ 6 อัตราความสำเร็จก็จะเริ่มคงที่ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง แพทย์จะแนะนำให้ทำเพียง 3-6 ครั้ง อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้รับการรักษา และสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
โดยสรุปการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยากเป็นการรักษาเบื้องต้น ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีพอควร ค่าใช้จ่ายไม่มากนัก ปัจจัยที่สำคัญ คือ มดลูกที่ปกติ รังไข่และไข่ที่ปกติ ท่อนำไข่ปกติ และอสุจิที่ปกติ รวมทั้งได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงจะเพิ่มโอกาสสำเร็จสูงขึ้นและมีบุตรตามต้องการ
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
แพ็กเกจ/โปรโมชั่น
บทความทางการแพทย์ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้