วิเคราะห์ข้อดี-ข้อจำกัด การผ่าตัดผ่านกล้องแบบเจาะลึก รักษานิ่วในถุงน้ำดี
ศูนย์ : ศูนย์ศัลยกรรม
บทความโดย : นพ. ปริศนา สิรยานนท์
หากจะพูดถึงวิธีการรักษานิ่วในถุงน้ำดีที่ดีที่สุดนั่นคือ “การผ่าตัด” ซึ่งการผ่าตัดถุงน้ำดีในปัจจุบัน มี 2 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดแบบดั้งเดิมและผ่าตัดผ่านกล้อง ใครที่กำลังกังวล หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดผ่านกล้องที่ว่านี้ ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจเสียก่อน
วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง
- เจาะรูเล็กๆ บริเวณหน้าท้อง 4 แห่ง ด้วยเครื่องมือที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการเจาะหน้าท้องอย่างปลอดภัย ขนาดของรูประมาณ 0.5 ซม. 3 ตำแหน่ง และขนาด 1 ซม.ที่สะดืออีก 1 ตำแหน่ง
- ใส่กล้องที่มีก้านยาวๆ และเครื่องมือต่างๆ ผ่านรูที่ผนังหน้าท้องลงไป ศัลยแพทย์จะสามารถมองเห็นถุงน้ำดีและอวัยวะต่างๆ จากจอโทรทัศน์ที่กล้องส่งสัญญาณภาพมา
- ศัลยแพทย์สามารถเลาะแยกถุงน้ำดีออกจากตับ และใช้คลิปหนีบห้ามเลือดแทนไหมเย็บแผล ก่อนตัดขั้วของถุงน้ำดี แล้วเลาะส่วนที่เหลือให้หลุดออก
- เมื่อตัดถุงน้ำดีได้แล้ว นำบรรจุใส่ถุงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ หลังจากนั้นค่อยดึงออกจากร่างกายบริเวณรูสะดือ จากนั้นศัลยแพทย์จะสำรวจความเรียบร้อยเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนดึงเครื่องมือและกล้องออกแล้วเย็บปิดแผล
- ในผู้ป่วยบางรายถ้ามีการอักเสบมาก อาจต้องมีการใส่ท่อระบายไว้ 2-3 วัน
ข้อดีของการผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านกล้อง
- อาการปวดแผลหลังผ่าตัดน้อยกว่า เพราะแผลมีขนาดเล็กกว่า
- อยู่โรงพยาบาล ประมาณ 1-2 วัน ซึ่งถ้าผ่าตัดแบบเดิมต้องอยู่โรงพยาบาล ประมาณ 7-10 วัน
- การพักฟื้นหลังผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ทำให้กลับไปทำงานตามปกติได้เร็วกว่าถ้าผ่าตัดแบบเดิม ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 เดือน
- แผลขนาดเล็กดูแลง่ายกว่าและมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าแผลขนาดใหญ่
- เมื่อแผลหายจะเป็นรอยเล็กๆ บนหน้าท้องเท่านั้น
ข้อจำกัดของการผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านกล้อง
- ผู้ป่วยในบางภาวะไม่สามารถใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคปอดและหัวใจขั้นรุนแรง คนที่เคยผ่าตัดและมีพังผืดในท้องมากๆ
- แพทย์และทีมงานจะต้องที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผ่าตัดด้วยกล้องโดยเฉพาะ
บทความทางการแพทย์ศูนย์ศัลยกรรม