“เนื้องอกในมดลูก” โรคยอดฮิตของผู้หญิงทุกวัย
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพสตรี
บทความโดย : พญ. จุฑาภรณ์ อุทัยแสน
สารบัญ
- เนื้องอกมดลูก มีกี่ประเภท?
- สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกในมดลูก
- ประจำเดือนมามากผิดปกติ สัญญาณเนื้องอกในมดลูก
- อาการที่อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก
- ตรวจวินิจฉัยเนื้องอกในมดลูก
- การรักษาเนื้องอกมดลูก
- การผ่าตัดเนื้องอกมดลูกแบบส่องกล้อง
- ข้อดีของการผ่าตัดเนื้องอกมดลูกผ่านกล้อง
- ข้อจำกัดของการผ่าตัดเนื้องอกมดลูกผ่านกล้อง
- ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เนื้องอกมดลูก มีกี่ประเภท?
เนื้องอกมดลูก (Myoma Uteri หรือ Uterine Fibroid) มีทั้งชนิดธรรมดาและชนิดที่เป็นมะเร็ง โดยส่วนใหญ่เกิดจากชั้นกล้ามเนื้อของมดลูกที่เป็นเนื้องอกธรรมดามากกว่า ซึ่งมีเนื้องอก 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
- เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง หรือเกิดจากมีเนื้ออย่างอื่นแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อของมดลูก
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แทรกเข้ามาในมดลูก หรือมีหลายเม็ดเกาะกันเป็นกลุ่มจนใหญ่ขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกในมดลูก
ปัจจุบันในทางการแพทย์นั้นยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโรคใดๆ แต่ปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ และพบว่ามีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งสร้างในรังไข่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหญิงวัยเจริญพันธุ์จึงมีอัตราการเกิดเนื้องอกในมดลูกสูง และเนื้องอกมักจะฝ่อตัวเล็กลงหลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดยตัวเนื้องอกนี้มักเจอในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์คือ มีประจำเดือนไปสัก 3 ปี 5 ปี 10 ปี แล้วเริ่มตรวจเจอว่ามีเนื้องอกมดลูก
ประจำเดือนมามากผิดปกติ สัญญาณเนื้องอกในมดลูก
ประจำเดือนมามากผิดปกติ คือ อาการบ่งชี้หรือสัญญาณเตือนเนื้องอกในมดลูก เนื้องอกมดลูกนั้นอาจทำให้ประจำเดือนมามากและนานขึ้น มีลิ่มเลือดหรือเป็นก้อนปนออกมา อาจจะมีอาการปวดท้องน้อยที่เพิ่มมากขึ้น หรือไม่ปวดก็ได้ หรือในบางกรณีมีอาการปวดท้องน้อยคล้ายเหมือนมีประจำเดือน แต่กลับไม่มีประจำเดือน
อาการที่อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก
อาการของเนื้องอกในมดลูกขึ้นกับความรุนแรง ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย แต่เมื่อตรวจภายใน หรืออัลตราซาวด์กลับพบเนื้องอก และนอกจากอาการเกี่ยวกับประจำเดือนที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอาการที่พบได้บ่อย ดังนี้
- ปวดท้องน้อย มักมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของเนื้องอก เช่น มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเลือดไปเลี้ยงเนื้องอกไม่พอ ทำให้เนื้องอกขาดเลือด หรือปวดท้องน้อยเพราะเนื้องอกไปกดเบียดอวัยวะอื่นๆ จนทำให้เกิดการปวดแบบหน่วงๆ เหมือนมีก้อนหนักๆ ในท้อง
- ปัสสาวะบ่อย อาจเกิดจากก้อนเนื้องอกไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ
- ท้องผูก อาจเกิดจากก้อนเนื้องอกไปกดเบียดลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ต่อกับทวารหนัก
- ปวดท้องขณะมีเพศสัมพันธ์
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- คลำเจอก้อนที่ท้องน้อย
- การมีบุตรยากและแท้งบุตร จะตรวจพบเมื่อคนไข้ไปตรวจกับหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมีบุตรยาก พออัลตราซาวด์ถึงจะเจอ อันนี้มักจะเป็นลักษณะก้อนเล็กๆ ไม่มีอาการอะไร บางทีอาจจะมีก้อนแค่ 1-2 เซนติเมตรอยู่ในโพรงมดลูก ไปขวางการฝังตัวของทารกทำให้มีบุตรยาก โดยเนื้องอกในมดลูก ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ เนื่องจาก
- ตัวก้อนกดเบียดทำให้อสุจิเคลื่อนเข้าสู่โพรงมดลูกได้ลำ
- ตัวก้อนกดเบียดบริเวณท่อนำไข่ ทำให้มีผลต่อการปฏิสนธิของเซลล์ไข่และอสุจิ รวมทั้งการเคลื่อนที่ของตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก
- เนื้องอกขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนบริเวณในโพรงมดลูก
- เนื้องอกที่มดลูกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูก มีผลต่อการฝังตัวและการเจริญเติบโตของตัวอ่อน
เนื้องอกในมดลูก อาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ เช่น การเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด ไม่สามารถคลอดลูกแบบธรรมชาติเองได้แต่จะต้องผ่าคลอด หรือหากเนื้องอกดันเข้าไปในโพรงมดลูกมาก ก็อาจส่งผลทำให้แท้งลูกในท้องได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของก้อน ตำแหน่งของก้อน จำนวนก้อนเนื้องอกมดลูก
ตรวจวินิจฉัยเนื้องอกในมดลูก
เมื่อผู้ป่วยเข้ามาพบแพทย์ด้วยมีอาการที่อาจสงสัยว่าจะเป็นเนื้องอกมดลูก แพทย์จะทำการซักประวัติ และสอบถามถึงอาการต่างๆ พร้อมกับทำการตรวจภายใน การตรวจด้วยการคลำ และทำอัลตราซาวด์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง การตรวจอัลตราซาวด์แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ 1.การตรวจโดยผ่านทางหน้าท้อง ซึ่งแพทย์จะให้คนไข้ดื่มน้ำเปล่าแล้วกลั้นปัสสาวะเอาไว้จนในกระเพาะปัสสาวะมีปริมาณน้ำปัสสาวะมากพอ เพื่อให้สามารถมองเห็นมดลูกและรังไข่ได้ชัดเจนขึ้น และ 2.การตรวจโดยผ่านทางช่องคลอด โดยแพทย์จะทำการสอดอุปกรณ์อัลตราซาวด์เข้าไปทางช่องคลอด คนไข้อาจจะต้องนอนหงายหรือนอนตะแคงเข่าชันชิดหน้าอก หรือนอนบนขาหยั่ง ซึ่งแพทย์จะสามารถมองเห็นภาพของมดลูกและรังไข่จากจอมอนิเตอร์ได้ชัดเจน
การรักษาเนื้องอกมดลูก
การรักษาเนื้องอกมดลูกสามารทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการ ลักษณะของเนื้องอก และปัจจัยโดยรวมของผู้ป่วย เช่น อายุ ความต้องการในการมีบุตร การตั้งครรภ์ ซึ่งผู้ป่วยบางรายสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา แต่ในบางรายแพทย์อาจจะพิจารณาให้ใช้การรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมี 2 แบบ ได้แก่
- วิธีผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบมาตรฐาน เป็นการผ่าตัดเปิดหน้าท้องคล้ายคลึงกับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง โดยเปิดแผลบริเวณหน้าท้องในแนวขวาง เวลาผ่าตัดจะสามารถเห็นได้ว่าท่อไตอยู่ตรงไหน เนื้องอกอยู่ตรงไหนจึงสามารถแยกได้อย่างชัดเจนทำให้การผ่าตัดค่อนข้างปลอดภัย และสามารถเก็บมดลูกไว้ใช้งานได้ปกติ
- วิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง การผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกในมดลูก ได้รับความนิยมและมีข้อดีในหลายๆ ด้าน คือ แผลมีขนาดเล็ก คนไข้เสียเลือดน้อย เจ็บตัวน้อย ใช้เวลาพักฟื้นน้อยลง ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
การผ่าตัดเนื้องอกมดลูกแบบส่องกล้อง
การผ่าตัดเนื้องอกมดลูกแบบส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง (Laparoscopic Surgery) เป็นการผ่าตัดส่องกล้องโดยการเจาะผ่านช่องท้อง 3-4 จุด แต่ละแผลมีขนาด 0.5-1 เซนติเมตร ตัดเฉพาะก้อนเนื้องอกออกจากตัวมดลุก และมีการย่อยชิ้นเนื้อเพื่อนำออกมาผ่านทางแผลขนาดเล็ก หรือในบางกรณีอาจมีขนาดกว้างขึ้นเป็น 3-4 เซนติเมต
ข้อดีของการผ่าตัดเนื้องอกมดลูกผ่านกล้อง
- แผลผ่าตัดเล็ก ขนาดประมาณ 0.5-1.0 เซนติเมตร ประมาณ 3-4 แผล
- เสียเลือดน้อย
- เจ็บแผลน้อยมาก เนื่องจากความบอบช้ำจากการผ่าตัดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
- พักฟื้นในโรงพยาบาลเพียง 1-2 วัน
- ฟื้นตัวเร็ว สามรถลุกเดิน ทานอาหารได้ในวันรุ่งขึ้นหลังผ่าตัด และสามารถกลับไปทำงานหรือกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 10-14 วัน
- ลดโอกาสเกิดพังผืดจากการผ่าตัด
- ลดความเสี่ยงของอาการแทรกซ้อนจากแผลผ่าตัด เช่น แผลอักเสบ แผลติดเชื้อ แผลเป็นหนอง เนื่องจากแผลผ่าตัดส่องกล้องมีขนาดเล็ก
- อัตราการตั้งครรภ์หลังผ่าตัดส่องกล้องไม่แตกต่างจากการผ่าแบบเปิดหน้าท้อง
- สามารถเลาะจำนวนก้อน และอัตราการเกิดเนื้องอกใหม่ หรือ การกลับเป็นซ้ำ ไม่แตกต่างจากการผ่าแบบเปิดหน้าท้อง
ข้อจำกัดของการผ่าตัดเนื้องอกมดลูกผ่านกล้อง
- แม้ผลข้างเคียงในการผ่าตัดน้อยกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่า แต่ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่าแบบเปิดหน้าท้อง
- ควรเป็นแพทย์ที่ชำนาญการผ่าตัด และการเย็บผ่านกล้อง
- มีโอกาสเปลี่ยนเป็นแบบเปิดหน้าท้อง หากมีภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด
- เนื้องอกที่พบในวัยใกล้หมดประจำเดือน หรือวัยหมดประจำเดือน อาจต้องแยกโรคอื่นที่มักพบร่วม เช่น มะเร็งมดลูก โดยรอบคอบก่อนทำการผ่าตัดผ่านกล้อง
เพราะเนื้องอกมดลูก เป็นโรคที่เกิดขึ้นในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์มากที่สุด การป้องกันเนื้องอกมดลูกได้ดี คือการหมั่นตรวจภายในเป็นประจำทุกปี รวมถึงการตรวจอัลตราซาวด์ และเมื่อพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันที
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพสตรี